ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่สถานพยาบาล เพื่อช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและการคลังของสถานพยาบาล อันจะมีส่วนช่วยทำให้สถานพยาบาลสามารถให้บริการสาธารณสุขได้อย่างมีคุณภาพ และเพื่อก่อให้เกิดความเป็นธรรมในการให้บริการด้านสาธารณสุข จึงเห็นควรกำหนด สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการบริจาคเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถานพยาบาล โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
กำหนดให้บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถานพยาบาลซึ่งดำเนินการโดยกระทรวง ทบวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจสถาบันการศึกษาของรัฐ หน่วยงานอื่นของรัฐ สภากาชาดไทย และสถานพยาบาลอื่นที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนี้
(1) บุคคลธรรมดา ให้หักลดหย่อนได้เพิ่มอีก 1 เท่า รวมหักได้เป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษาแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว
(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้หักเป็นรายจ่ายเพิ่มอีก 1 เท่า รวมหักได้เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนการศึกษา และรายจ่ายที่กำหนดแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อ การกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา
(3) ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคข้างต้น
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด และสำหรับการบริจาคที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป
ข่าวเด่น