บริษัท เหมราช รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) ประสบความความสำเร็จในการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 เพื่อลงทุนในทรัพย์สินเพิ่ม ส่งผลให้มีขนาดทรัพย์สินโตเกือบ 10,000 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร “กาญจนา เอื้อโอบอ้อม” เผยการลงทุนเน้นลงทุนในอาคารโรงงานและคลังสินค้าที่มีศักยภาพ ตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์การลงทุน สามารถรองรับการลงทุนจากผู้ผลิตชั้นนำจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยทรัพย์สินที่ลงทุนรอบนี้ มีผู้เช่าเต็ม 100% และมีการชดเชยรายได้ส่วนต่างจากอัตราค่าเช่ารับประกันเป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่กองทรัสต์เข้าลงทุน ยิ่งทำให้กองทรัสต์ HREIT มีความน่าสนใจในการลงทุน โดยมีผลตอบแทนกว่า9% เมื่อเทียบกับราคาตลาดล่าสุด และด้วยขนาดกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้หน่วยลงทุนของกองทรัสต์มีสภาพคล่องในการซื้อขายมากขึ้น ส่งผลให้มีเสถียรภาพของราคาในที่สุด
นางสาวกาญจนา เอื้อโอบอ้อม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราช รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนของกองทรัสต์ HREIT ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนในทรัพย์สินที่ลงทุนในการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ลงทุนทั้งหมด ตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์การผลิตของประเทศไทย สามารถรองรับการลงทุนจากผู้ผลิตชั้นนำจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ให้ความเชื่อมั่นในการเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมขั้นสูง อันเป็นผลมาจากการขับเคลื่อนนโยบายการลงทุนของรัฐบาล อาทิ นโยบายส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และนโยบายTHAILAND 4.0 ที่เน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิต อีกทั้งทรัพย์สินที่กองทรัสต์เข้าลงทุนบางส่วน ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตประกอบการเสรี (IEAT Free Zone) ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) หรือตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทำให้ทรัพย์สินที่กองทรัสต์เข้าลงทุน มีความน่าสนใจและสามารถดึงดูดผู้เช่าที่เป็นผู้ประกอบการชั้นนำได้เป็นอย่างดี
“ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ HREIT เลือกลงทุนนั้น ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพ มีศักยภาพในการสร้างรายได้ โดยทรัพย์สินที่กองทรัสต์เลือกลงทุนรอบนี้มีผู้เช่าเต็ม 100% นอกจากนี้ เจ้าของทรัพย์สินมีนโยบายในการชดเชยรายได้ค่าเช่าให้กับกองทรัสต์ในกรณีผู้เช่าออก และชดเชยรายได้ส่วนต่างจากอัตราค่าเช่ารับประกันเป็นระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่กองเข้าลงทุน และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของทรัพย์สินจะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายฝ่ายทุน (CAPEX) เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่กองทรัสต์ HREIT เข้าลงทุนในแต่ละรอบ ซึ่งจะเพิ่มผลประโยชน์ และสร้างความมั่นคงต่อผลประกอบการของกองทรัสต์ HREIT นอกจากนี้ การลงทุนเพิ่มเติมในแต่ละรอบจะช่วยกระจายความเสี่ยงของการจัดหาผลประโยชน์ เพิ่มความหลากหลายของผู้เช่า และช่วยให้กองทรัสต์เติบโตมีขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ ด้วยผลตอบแทนกว่า 9% เมื่อเทียบกับราคาตลาดล่าสุด และด้วยขนาดกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้หน่วยลงทุนของกองทรัสต์มีสภาพคล่องในการซื้อขายมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเสถียรภาพของราคาในที่สุด ซึ่งจะทำให้กองทรัสต์ HREIT มีความน่าสนใจต่อนักลงทุนมากยิ่งขึ้น” นางสาวกาญจนากล่าว
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราช รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ HREIT กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 ของกองทรัสต์ HREIT เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กองทรัสต์ HREIT ได้ลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 1,590 ล้านบาท ในรูปแบบสิทธิการเช่าที่ดิน อาคารโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูป ระยะเวลา 30 ปี และต่ออายุการเช่าได้อีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี ซึ่งภายหลังจากที่ได้ลงทุนเพิ่มดังกล่าวแล้ว ทำให้กองทรัสต์ HREIT มีทรัพย์สินที่ลงทุนมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ในโครงการนิคมอุตสาหกรรม/เขตประกอบการอุตสาหกรรม/โลจิสติกส์พาร์ค 7 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และสระบุรี คิดเป็นพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 316,445 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่อาคารโรงงาน 214,924 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) โครงการนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด โครงการนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี และโครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชสระบุรี และพื้นที่อาคารคลังสินค้า 101,521 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในโครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์ค 1โครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์ค 2 และโครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์ค 4 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่บนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ดังนั้น มองว่ากองทรัสต์ HREIT มีความโดดเด่น และเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดีสำหรับนักลงทุน ด้วยผลตอบแทนการลงทุนที่สม่ำเสมอ จากสิทธิการเช่าที่ดิน อาคารโรงงาน และคลังสินค้าสำเร็จรูปเป็นเวลา 30 ปี และโอกาสในการต่ออายุสิทธิการเช่าไปอีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี ซึ่งเป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพในระยะยาว และสามารถส่งต่อการลงทุนดังกล่าวถึงลูกหลานได้อีกด้วย
ข่าวเด่น