โครงการเมกาบางนา ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับการดำเนินธุรกิจศูนย์การค้า  เพราะถึงแม้ว่าปี 2560 ประเทศไทยจะยังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่บริษัท เอสเอฟ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา  ก็ยังคงมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ที่ผ่านมามีรายได้และผลกำไรเติบโตสูงถึง 30% เนื่องจากมีการเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายภายใต้ชื่อ เมกา ซิตี้  ไปแล้วในบางส่วน

สำหรับโครงการเมกา ซิตี้  ที่เปิดให้บริการไปแล้วตั้งแต่เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา คือ  โซน “เมกา ฟู้ดวอล์ค” (Mega FoodWalk) ศูนย์รวมร้านอาหารยอดฮิต ร้านดังในตำนาน และร้านอร่อยจากเชฟอินเตอร์ มากกว่า 30 ร้าน บนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร ท่ามกลางบรรยากาศของ ‘หุบเขา’ (Valley) สุดชิล  ชวนให้ลูกค้าลูกค้าเข้ามาใช้บริการ เพื่อตอกย้ำการเป็น Food Destination แห่งกรุงเทพตะวันออกอย่างแท้จริง  และเพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น  บริษัท เอสเอฟฯ ได้มีการสร้างอาคารจอดรถแห่งใหม่ที่สามารถจอดรถได้ถึง 1,200 คัน  พร้อมมีสะพานทางเชื่อมและหลังคาคลุมโดยตลอด เพื่อความสะดวกให้กับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ  

หลังจากเปิดโซน เมกา ฟู้ดวอล์ค ไปในช่วงเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา  ลูกค้าให้การตอบรับโซนดังกล่าวเป็นอย่างดี  โดยเฉพาะในช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากถึง 350,000 คนต่อวัน  จากปกติจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยต่อวันที่ประมาณ 250,000 คน  ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว  ทำให้จบปี 2560 ที่ผ่านมาโครงการเมกาบางนา มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากถึง 42 ล้านคน

ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดความสำเร็จดังกล่าวในปีนี้บริษัท เอสเอฟฯ ได้เตรียมใช้งบลงทุนอีกประมาณ  3,000 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงการ 3 โซนหลัก คือ  โซนพื้นที่ของโครงการ “เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์” (Marvel Experience)  ซึ่งจะเปิดให้บริการเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  พื้นที่ดังกล่าวจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวบันเทิงในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ  โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในเดือนพ.ค.นี้ 

นอกจากนี้  ยังมีโซนพื้นที่ของโรงเรียนประถมศึกษานานาชาติดิษยะศริน กรุงเทพ ในเครือเดียวกับโรงเรียน ดิ อเมริกัน สคูล ออฟ แบงค็อก (The American School of Bangkok)  รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่กิจกรรมความบันเทิงกึ่งการเรียนรู้ สำหรับเด็กๆและสมาชิกในครอบครัว (Indoor Family Entertainment Complex) ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ “เมกา คิดส์” เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของเมกาบางนา ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความสุขและการใช้ชีวิต สำหรับครอบครัว ซึ่งในส่วนของโซนพื้นที่ดังกล่าวขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจ  เพื่อเข้ามาพัฒนาพื้นที่

น.ส. ปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา  บริษัท เอสเอฟ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า  บริษัทรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นโครงการเมกาบางนาเฟสแรกประสบความสำเร็จตรงตามเป้าหมายที่วางไว้  โดยเฉพาะโซนเมกา ฟู้ดวอล์ค   เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถเพิ่มจำนวนร้านอาหารได้มากถึง 160  ร้าน  และมีผู้เช่าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 100 ราย  

อย่างไรก็ดี  เพื่อให้โครงการเมกา ซิตี้  ซึ่งเป็นเฟสใหม่ของโครงการเมกาบางนา มีความครบวงจรมากยิ่งขึ้น  บริษัท เอสเอฟ จะยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องบนที่ดินที่เหลืออีกประมาณ 150 ไร่  โดยขณะนี้ได้ทยอยพัฒนาไปบ้างแล้วในส่วนของ โครงการ เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์ และโรงเรียนประถมศึกษานานาชาติดิษยะศริน กรุงเทพ ซึ่งจะเปิดให้บริการให้ช่วงเดือนพ.ค. และส.ค.นี้   

พร้อมกันนี้   ยังจะมีแผนพัฒนาโครงการ “เมกา พาร์ค” (Mega Park) ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวให้ลูกค้าของเมกาบางนาได้ใช้พักผ่อน กับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน   ขณะเดียวกัน  ยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการต่อไปในส่วนของที่พักอาศัย และอาคารสำนักงาน  ซึ่งในส่วนของโครงการที่พักอาศัยนั้น  ล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อ "อารียา" พัฒนาโครงการ a space MEGA คอนโดมิเนียมโครงการแรก  เพื่อตอบโจทย์ชีวิต 4.0 Living อย่างแท้จริง ด้วยการนำแนวคิด 4.0 มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิต เน้นการออกแบบทุกสัดส่วนภายในโครงการ ตอบสนองความต้องการการของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ ที่มีบุคลิกแอคทีฟ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 

จากจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการต่อปีที่มากถึง 42 ล้านคน  ในจำนวนดังกล่าวส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 95%  ส่วนที่เหลืออีก 5%  เป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ   ด้วยความมุ่งหวังที่จะขยายฐานลูกค้าต่างชาติให้เพิ่มขึ้น  บริษัท เอสเอฟฯ จึงได้ดึง เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์  เข้ามาเปิดให้บริการ เนื่องจากบริการดังกล่าวเป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ

น.ส. ปพิตชญา กล่าวว่า  หลังจากเปิดให้บริการ เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์  ในเดือน พ.ค.นี้  บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถดึงกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน  เพราะการเปิดให้บริการของ เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์  ในครั้งนี้ถือเป็นแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

 ดังนั้น บริษัท เอสเอฟฯ จึงมั่นใจว่าสิ้นปี 2561 นี้โครงการเมกาบางนา จะมีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้นจากก 5%  เป็น 10%  ได้อย่างแน่นอน  เนื่องจากสถานที่ตั้งของโครงการเมกาบางนาอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ   นอกจากนี้  ยังเป็นเส้นทางหน้าด่านของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งขณะนี้กำลังมีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวจำนวนมาก ดังนั้น การนำ เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์  มาเปิดให้บริการจึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการกระตุ้นความสนใจชาวต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการภายในโครงการเมกาบางนา