การค้า-อุตสาหกรรม
พาณิชย์ ตั้งเป้าส่งออกปี 2561 โต 8%


การส่งออกยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 2561  แม้เครื่องจักรด้านการลงทุนของภาครัฐและเอกชนจะมีบทบาทมากขึ้น  ซึ่งนายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  กล่าวในการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่มีนายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์  รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ในปี 2561 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกของไทยไว้ 8%  ที่มูลค่า 255,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ   โดยเห็นว่าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคเอกชนในการออกไปบุกตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน   เพื่อทำให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และเป็นการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

 


 

นอกจากนี้จะให้ความสำคัญกับเรื่องของ E-Commerce  ในการช่วยผลักดันการค้า รวมทั้งจะมีการพิจารณาเรื่องอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศของบางประเทศให้มีความเหมาะสม    ขณะเดียวกันในส่วนของทูตพาณิชย์เองก็จะต้องมีการปรับความคิดใหม่จากเดิมที่ทำหน้าที่กำกับดูแลมาเป็นการร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อกำหนดแผนยุทธศาสตร์ทางการค้าร่วมกันในการบุกตลาดใหม่ๆ  เพื่อให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8% ในปีนี้   และเป็นการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต     

ซึ่งปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวของการส่งออกในตลาดต่างๆ  เช่น  ตลาดอาเซียน โต 6.5%, ตลาดจีน-ฮ่องกง โต 10%, ตลาดญี่ปุ่น เกาหลีใต้   ไต้หวัน ออสเตรเลีย โต 7-12%, ตลาดลาตินอเมริกา โต 3%, ตลาดแอฟริกา โต 11% และตลาดตะวันออกกลาง โต 5% 

 

         

 

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์  รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่จะผลักดันการส่งออกของไทยในปีนี้ให้เติบโตได้ 8% ตามเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้นั้น  จะต้องมีการเพิ่มเติมในบางประเด็นที่สำคัญนอกเหนือไปจากการวางกลยุทธ์การส่งออก   เช่น บทบาทของทูตพาณิชย์ที่ต้องเกี่ยวข้องกับการนำนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น, การส่งออกสินค้าบริการ, การให้น้ำหนักความสำคัญกับตลาดส่งออกในแต่ละภูมิภาคที่ต้องแตกต่างกัน เพื่อจัดสรรบุคลากรให้อย่างเหมาะสม, การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้มีโอกาสขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เป็นต้น        

และยังได้สั่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปพิจารณาการสร้างธุรกิจใหม่ขึ้น   ให้มีการใช้ E-Commerce เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำการค้า โดยให้ไปทำงานร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออก  เพื่อสร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาในตลาด รวมทั้งการให้ความสำคัญกับ Big Data ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลด้านการค้า และการตลาดเพื่อให้ผู้ประกอบการของไทยได้รับทราบและนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการทำธุรกิจ          

ส่วนสถานการณ์เงินบาทแข็งค่านั้น นายสมคิด เชื่อว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดูแลอย่างเต็มที่ แต่คงไม่ได้เข้าไปแทรกแซงมากเกินไป  อย่างไรก็ดี การที่เงินบาทแข็งค่านั้น ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงควรจะส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยออกไปลงทุนยังต่างประเทศให้มากขึ้น หรือการให้กองทุนต่างๆ ของรัฐพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น นอกจากนี้กรมสรรพากรกำลังพิจารณาหามาตรการเพื่อจูงใจให้นักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ  นำส่งเงินปันผลกลับมายังประเทศให้มากขึ้น


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ก.พ. 2561 เวลา : 23:30:21
18-10-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 18, 2024, 7:24 pm