คณะรัฐมนตรีมีมติพัฒนาตลาดทุนไทย ให้มีการบริหารงานที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่ง นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ชี้แจงว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ชุดยกระดับการกำกับดูแลตลาดทุนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล) สาระสำคัญ 7 ประการ ได้แก่
1.ปรับปรุงบทนิยามของการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ หลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและครอบคลุมมากขึ้น เช่น บริการทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Fin Tech ) สกุลเงินดิจิทัล บางบริษัทยังสามารถเข้ามาร่วมใน Inventory sandbox ได้ และการกำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำประเภทต่างให้เป็นอำนาจคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เช่น สตาร์ทอัพ
2.ให้เป็นอำนาจของ ก.ล.ต. เพิ่มช่องทางการจัดประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในกรณีที่ไม่สามารถใช้กลไกปกติในการบริหารจัดการบริษัทได้
3.เพิ่มความรับผิดชอบและกลไกตรวจสอบดูแลการบริหารจัดการกองทุนรวมของบริษัทหลักทรัพย์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน
4.ปรับปรุงเกี่ยวกับการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
5. ให้อำนาจ ก.ล.ต.อนุญาตให้สมาชิกตลาดหลักทรัพย์ ซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนนอกตลาดหลักทรัพย์ได้ และสามารถประกาศให้บุคคลอื่นที่มิใช่บริษัทที่ออกหลักทรัพย์นำหลักทรัพย์ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต.มาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของไทยได้
6.กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เบื้องต้นมูลค่ากองทุน 5,700 ล้านบาทและส่ง 90 % ของกำไรของตลาดหลักทรัพย์มายังกองทุนทุกปี เป็นนิติบุคคลและอิสระจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ 7.เพิ่มประสิทธิภาพความชัดเจนและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ ก.ล.ต.โดยต้องเสนอแผนการบริหารตลาดทุนต่อกระทรวงการคลังทุกปี
ขณะที่ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมปรับรอบระยะเวลาชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จากปัจจุบันอยู่ที่ 3 วันทำการ (T+3) เป็น 2 วันทำการ (T+2) เพื่อให้สอดคล้องกับนานาประเทศ เสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันให้แก่ตลาดทุนไทย ตามกรอบกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตลาดทุน ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล นับว่าตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นหนึ่งในผู้นำในอาเซียนที่ใช้ T+2 ให้เป็นไปตามตลาดทุนยุโรปและสหรัฐฯ
และจากความร่วมมือของภาคตลาดทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ สำนักงาน ก.ล.ต. ธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์ คัสโตเดียน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และธนาคารพาณิชย์ ที่ทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น ขณะนี้ ทุกฝ่ายมีความพร้อมในการปรับรอบระยะเวลาชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์เป็น 2 วันทำการ (T+2) โดยเริ่มใช้พร้อมกันในวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2561
ข่าวเด่น