สถานการณ์การค้าโลก ส่งสัญญาณที่จะมีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป หากสหภาพยุโรป (EU) ตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความขู่ว่า "หากสหภาพยุโรปต้องการเพิ่มภาษีนำเข้าและทำให้เกิดอุปสรรคต่อบริษัทสหรัฐที่ดำเนินกิจการอยู่ในยุโรป เราก็จะทำแบบนั้นกับรถยนต์ของเขา"
ทั้งนี้ ทรัมป์ออกมาประกาศหลังจากประชุมร่วมกับกลุ่มผู้บริหารธุรกิจที่ทำเนียบขาวเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ
หลังจากนั้นไม่นาน นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ก็ได้ออกมาตอบโต้โดยระบุว่า สหภาพยุโรปจะดำเนินการตอบโต้อย่างรุนแรงและสมน้ำสมเนื้อ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทยุโรปที่ส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมไปยังสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ นางเซซิเลีย มาล์มสตรอม กรรมาธิการด้านการค้าของยุโรปกล่าวเสริมว่า มาตรการเหล่านี้ของสหรัฐจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อความสัมพันธ์ระหว่างภูมิภาคและตลาดโลก ขณะเดียวกันก็จะเป็นการเพิ่มต้นทุน และลดทางเลือกสำหรับผู้บริโภคเหล็กและอลูมิเนียมในสหรัฐ รวมถึงบรรดาอุตสาหรรมที่นำเข้าสินค้าเหล่านี้ด้วย
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน โดยอ้างแหล่งข่าวในสหภาพยุโรปว่า สหภาพยุโรปกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดความสมดุลทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐ
รอยเตอร์รายงานว่า นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของเยอรมนีว่า สหภาพยุโรปจะเพิ่มภาษีนำเข้ารถมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน, วิสกี้เบอร์เบิน และกางเกงยีนส์ลีวายของสหรัฐ
ขณะที่นายจาง เย่ซุย โฆษกรัฐสภาจีนแถลงก่อนการประชุมสภาประจำปี ว่า จีนไม่ต้องการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ แต่หากสหรัฐดำเนินการใดที่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของจีน จีนก็จะไม่วางเฉย และจะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างแน่นอน
ส่วนศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า มาตรการกีดกันทางการค้าล่าสุดที่สหรัฐฯ เตรียมประกาศออกมา ส่งผลกระทบทางตรงต่อไทยจำกัดอยู่ในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและผลิตภัณฑ์เหล็กแปรรูปขั้นต้น เช่น ท่อเหล็ก แผ่นเหล็ก ลวดเหล็ก แผ่นอะลูมิเนียม ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ใช้เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างของใช้ในครัวเรือน ไม่น่าอยู่ในขอบข่ายการเก็บภาษีนำเข้าขณะที่ผลกระทบทางอ้อมหากการนำเข้าของสหรัฐฯ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้สินค้ากลุ่มดังกล่าวล้นตลาด ส่งผลต่อเนื่องมายังราคาสินค้าปรับตัวลดลง อานิสงส์ต่อการนำเข้าวัตถุดิบต้นน้ำและกลางน้ำเพื่อผลิตสินค้าขั้นปลายน้ำของไทยได้ประโยชน์ แต่สำหรับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมขั้นกลางที่มีราคาต่ำลงอาจกลายเป็นคู่แข่งการส่งออกของไทย ซึ่งผู้ประกอบการไทยอาจถูกสินค้าจากแคนาดา เกาหลีใต้ และจีนเข้ามาชิงพื้นที่ตลาดของไทยที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดทั้งนี้ ไทยพึ่งพาการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากต่างประเทศมีมูลค่าประมาณ 20.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 9.4 ของการนำเข้าสินค้าทั้งหมดของไทยในปี 2560
ข่าวเด่น