“ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิปี 60 ที่ 52.83 ลบ. โต 21.16% พร้อมแจกปันผล 0.0329 บ./หุ้น ขยับสัดส่วนลงทุน Sakun C ผู้ออกแบบ และประกอบเรืออลูมิเนียม และยานพาหนะอื่นๆ เป็น 50.1%

นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯประจำปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31ธันวาคม 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.23 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 21.16% เมื่อเทียบกับผลประกอบการประจำปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 43.60ล้านบาท ในขณะที่บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,910.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311.05 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 19.45% เมื่อเทียบกับผลประกอบการประจำปี 2559 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่1,599.04 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นของทั้งกำไรสุทธิ และรายได้ของบริษัทฯ เป็นผลมาจากการที่บริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจชิ้นส่วนหนังสำหรับเบาะรถยนต์จากลูกค้าเดิมที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในปี 2560 รวมถึงบริษัทฯมีรายได้จากธุรกิจพลังงานโดยการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ในปี 2560 ซึ่งเป็นปีแรกจำนวน 41.59 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจส่งออกชิ้นไม้สับจากยูคาลิปตัสในปี 2560 จำนวน 52.71 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯได้มีมติในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นจำนวน 0.0329 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 3 พ.ค. 2561 โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พ.ค. 2561

ในขณะเดียวกันบริษัทฯได้เปลี่ยนแปลงสัดส่วนการเข้าลงทุนในบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชัน จํากัด หรือ Sakun C ซึ่งประกอบธุรกิจรับออกแบบ และประกอบเรืออลูมิเนียม และยานพาหนะอื่นๆ จากไม่เกินร้อยละ 49 เป็นร้อยละ 50.01 เพื่อเพิ่มสิทธิออกเสียงในบริษัท หลังจากเข้าทำบันทึกข้อตกลงเพื่อเข้าศึกษาข้อมูลธุรกิจ และความเป็นไปได้ หรือ Due Diligence ในการเข้าลงทุน ซึ่งได้รับทราบผลการเข้าศึกษาธุรกิจเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ในปี 60 ที่ผ่านมาเราทำผลงานได้น่าพอใจ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ทั้งการเติบโตของธุรกิจหลักของเรา รวมถึงการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากธุรกิจพลังงานทดแทน และการส่งออกชิ้นไม้สับไปยัง

ต่างประเทศ ส่วนการเข้าลงทุนใน Sakun C เราได้ศึกษา และเห็นความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุน จึงมีการขยับสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อเพิ่มสิทธิในการออกเสียง และที่สำคัญการลงทุนใน Sakun C นั้นจะเป็นการต่อยอดให้กับธุรกิจหลัก และเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ และผลตอบแทนให้กับ CWT ในอนาคต” นายวีระพลกล่าว