"สมคิด" เชื่อ ธปท.-คลังร่วมกันดูแลเงินบาทแข็งค่า  เผยกฎหมายคุมเงินดิจิทัลจะเสร็จภายในเดือนนี้ ย้ำไม่ปิดกั้นการลงทุน ชี้เร่งรัด ยันต้องรอบคอบ มั่นคง และป้องกันความเสี่ยง  ฟาก KTB ยันไม่ยุ่งกับธุรกรรมเงินดิจิทัลทุกรูปแบบ เดินหน้าปิด - ตรวจสอบบัญชีที่เกี่ยวข้องต่อเนื่อง  

cr photo : ww.apecthai.org

 
   นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ยอมรับว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. และกระทรวงการคลัง ได้ทำหน้าที่ดูแลเป็นอย่างดี และเชื่อว่า หากสหรัฐเริ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็เชื่อว่า สถานการณ์แรงกดดันเรื่องค่าเงินบาทจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น  
    ส่วนการออกกฎหมายการควบคุมการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือ คลิปโตเคอเรนซี่ ว่า ภายในเดือนมีนาคมนี้ พระราชกำหนด หรือ พรก. ที่จะใช้ควบคุมการลงทุนดังกล่าวจะแล้วเสร็จ ซึ่งยืนยันกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. ดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบกับความมั่นคง แต่ไม่ได้เป็นการปิดกั้นไม่ให้เกิดการลงทุน 
    การประชุมกลุ่มสุดยอดประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือ  G20 รัฐมนตรีคลัง และธนาคารกลางของแต่ละประเทศสมาชิก ได้หารือถึงเรื่องการลงทุนในคลิปโตฯ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องมีการควบคุม เช่นเดียวกับไทย ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศขอความร่วมมือสถาบันการเงินห้ามยุ่งเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคลิปโตฯ และการออกกฎหมายควบคุมของก.ล.ต.ที่จะทำให้เกิดความเข้มงวดในการลงทุน  
    หลักการของพรก.ที่จะออกมานั้น เป็นการดูแลในลักษณะเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะทำให้การซื้อขายมีความเป็นธรรมากขึ้น โดยจะมีการจัดเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% จากกำไรจากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่บุคคลธรรมสามารถนำรายจ่ายดังกล่าวมาขอคืนภาษีในปีต่อไปได้ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม บุคคลธรรมดาจะได้รับการยกเงินการจัดเก็บภาษี หากมีการซื้อขายในตลาด  
    สำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกรรมการออก ICO ไปแล้วนั้น หากกฎหมายมีผลบังคับใช้ จะต้องเข้ามาลงทะเบียนเพื่อเข้าระบบการซื้อขายที่ถูกต้องภายใน 6 เดือน และจะต้องดำเนินการทุกอย่างภายใต้กฎเกณฑ์ใหม่ที่กำหนดด้วย  
    ด้านนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชา) หรือ KTB กล่าวว่า  ยืนยันจะไม่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในคลิปโตฯ ทุกรูปแบบ ตามการขอความร่วมมือของธปท. ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบการเดินบัญชีของลูกค้าตามระเบียบของปปง. และได้มีการสั่งปิดบัญชีที่เข้าข่ายว่าเกี่ยวข้องกับการลงทุนในคลิปโตฯแล้ว 1-2 รายเท่านั้น จึงไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด