การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่จะมีผลในวันที่ 1 เม.ย. เป็นวันละ 308-330 บาท ได้สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
ซึ่งนายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย เดือนก.พ.61 อยู่ที่ระดับ 89.9 เป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ปัจจัยหลักมาจากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ลดลงจากความกังวลต่อต้นทุนการผลิตทั้งจากราคาวัตถุดิบ ค่าจ้างขั้นต่ำที่เตรียมปรับขึ้นวันที่ 1 เม.ย.นี้
ขณะที่นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุว่า การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอีก 5-22 บาท ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป ย่อมมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเพื่อใช้สำหรับผลิตสินค้าและบริหารของแต่ละสาขาในระบบเศรษฐกิจ ในส่วนภาคการเกษตร มีอัตราส่วนต้นทุนค่าจ้างแรงงานต่อต้นทุนการผลิต 17.4% โดยเฉลี่ยใช้แรงงานเป็นหลักในกิจกรรมการผลิต ขณะที่ภาคบริการ มีอัตราส่วนต้นทุนค่าจ้างแรงงานต่อต้นทุนการผลิต 20.2% โดยภาคบริการเฉลี่ยใช้แรงงานคนมาก เพราะต้องสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าในการให้บริการ และภาคอุตสาหกรรม มีอัตราส่วนต้นทุนค่าจ้างแรงงานต่อต้นทุนการผลิต 9.0% โดยต้นทุนแรงงานไม่มาก เนื่องจากอุตสาหกรรมมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยผลิตสินค้า
นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ สศก.กล่าวว่า การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอาจไม่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรมากนัก แต่อาจจะกระทบต่อค่าจ้างแรงงานในช่วงที่เป็นฤดูกาลเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวที่ต้องการแรงงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรโดยรวมสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ระดับรายได้ของภาคครัวเรือนเกษตรที่มีอาชีพแรงงานก็จะเพิ่มขึ้นจากค่าจ้างแรงงานที่ปรับเพิ่มขึ้นไปด้วย ส่งผลให้มีการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ของ สศก. ถึงผลกระทบจากการเพิ่มค่าจ้างแรงงานต่อระบบเศรษฐกิจการเกษตรไทย โดยพิจารณาจากสัดส่วนต้นทุนค่าจ้างแรงงานถึงผลกระทบต่อภาคเกษตรของแต่ละสาขา พบว่า สาขาพืช ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำมากสุด โดยมีสัดส่วนต้นทุนแรงงานเฉลี่ย 17.8% ได้แก่ การทำไร่อ้อยโรงงาน สวนยางพารา การทำไร่ข้าวโพด การทำไร่มันสำปะหลัง การทำสวนผัก และการทำสวนผลไม้ โดยการผลิต จำเป็นต้องใช้แรงงานตั้งแต่การเริ่มการเตรียมดิน การเพาะปลูก การดูแลรักษา จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต
รองลงมา คือ สาขาบริการทางการเกษตร มีสัดส่วนต้นทุนแรงงานเฉลี่ย 12.1% ซึ่งมีการใช้แรงงานที่ไม่มากนัก เนื่องจากได้นำเทคโนโลยีเครื่องจักรเข้ามาทดแทนแรงงานบางกิจกรรมการผลิต เช่น เครื่องเกี่ยวข้าว เครื่องตัดอ้อย เป็นต้น, สาขาประมง มีสัดส่วนต้นทุนแรงงานเฉลี่ย 8.4% ซึ่งการทำประมงทะเลจะได้รับผลกระทบการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำมากกว่าการทำประมงน้ำจืด และสาขาปศุสัตว์ ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำน้อยที่สุด โดยมีสัดส่วนต้นทุนแรงงานเฉลี่ย 8.0% จากกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงาน ได้แก่ การเลี้ยงสัตว์ปีก และสุกร
ข่าวเด่น