กองทุนรวม
สมรภูมิการค้าสหรัฐ-จีนระอุ มองกระทบ SET Index จำกัด


สมรภูมิการค้าระหว่างสหรัฐและจีนระอุเดือด จากการแลกหมัดตอบโต้ไปมา คาดว่า Sentiment เชิงลบจากการปรับร่วงของตลาดในภูมิภาค จะกระทบ SET Index จำกัด มอง 1,770 จุดเป็นแนวรับสำคัญเน้นไปที่การเก็บหุ้น Domestic และ Defensive Play เลือก BPP RJH และ INTUCH เป็น Top Pick

  


 

 

นายประกิติ สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชนกล่าวว่า สมรภูมิการค้าระหว่างจีนและสหรัฐมาถึงจุดเดือด เมื่อจีนเริ่มออกมาตราการ Tariffs ตอบโต้สหรัฐ : โลกร้อนระอุอีกครั้ง หลังจากที ปธน.ทรัมป์ ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีศุลกากร (Tariffs) จากจีนด้วยวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเหตุผลด้านการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual property) และข้อกำหนดการถ่ายโอนเทคโนโลยีของสหรัฐไปยังบริษัทจีนไม่เหมาะสม โดยทรัมป์ได้ระบุว่านี่เป็นมาตรการแรกของอีกหลายมาตรการที่จะตามมาทั้งนี้ต้องรอติดตามการเปิดรายละเอียดสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีภายใน 15 วันของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ซึ่งในเบื้องต้น USTR ได้ระบุรายการสินค้าที่เป็นเป้าเป็นจำนวน 1,300 รายการ สินค้าหลักๆจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ 

ล่าสุดจีนได้แลกหมัดกับสหรัฐด้วยการออกมาตรการตอบโต้ โดยเช้านี้จีนประกาศแผนเก็บภาษีศุลกากรการนำเข้า สินค้าจากสหรัฐรวมถึงผลิตภัณฑ์จากเหล็กและเนื้อหมูวงเงิน 3 พันล้านเหรียญสหรัฐการตอบโต้ของจีนยิ่งเป็นการสร้างความกังวลต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคในเช้าวันนี้ แต่ KS Research ยังเชื่อว่าจะไม่รุนแรงถึงขั้นเป็นสงครามการค้าเต็มรูปแบบ โดยต้องรอติดตามว่าจะมีการเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาก่อนที่จะบานปลายไปมากกว่านี้หรือไม่ 

ทั้งนี้ สถิติยืนยัน SET Index จะปรับลดลงตามไม่มาก และสัปดาห์หน้าตลาดยังมีโอกาสฟื้นความคาดหวังจาก Window Dressing : Sentiment เชิงลบวันนี้ค่อนข้างแรง แต่เชื่อผลกระทบที่จะมาถึงไทยจะไม่ถึงขั้นสร้าง Panic Sell ให้กับตลาด หากย้อนกลับไปดูความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐที่มีต่อ SET Index ในวันถัดมา ในแง่สถิติจะกระทบกับ SET Index แค่ระดับเปิดเท่านั้น ส่วนระดับปิดมักจะเกิดการลดช่วงลบหรือพลิกฟื้นขึ้นมาปิดตัวในแดนบวก ทั้งนี้จากการคำนวนผ่านสมการถดถอยการปรับลดลงของดัชนีดาวโจนส์ 2.93% จะมีผลทำให้ระดับเปิดของ SET Index วันนี้ปรับลดลง 0.88% หรือเกือบ 16 จุด ก่อนที่จะฟื้นตัวและปิดตัวเหลือติดลบ 0.57% หรือติดลบ 10 จุด  คาดว่าในช่วงเสาร์ อาทิตย์ สถานการณ์จะบรรเทาลงจากความพยายามในการเรียกร้องให้เกิดการเจรจาของนานาชาติ ซึ่งจะส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์หน้าผ่อนคลายขึ้น นอกจากนั้น SET Index ยังมีความคาดหวังเกี่ยวกับปรากฎการณ์ Window Dressing จากสถิติ 5 ปีที่ผ่านมา SET Index จะมีโอกาสให้ผลตอบแทนใน 5 วันสุดท้ายก่อนสิ้นไตรมาส 1 เฉลี่ย 1.9% ด้วยความน่าจะเป็น 80% ถือเป็นระดับที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ 

มองการปรับร่วงของตลาดจะเป็นโอกาสในการเข้าเก็บหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเรื่องสงครามการค้าจำกัด เราประเมินข้อพิพาทด้านการค้าของสหรัฐและจีน จะกระทบมายังการส่งออกสินค้าชั้นกลางน้ำของไทยไปยังตลาดจีน โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จากการเป็นห่วงโซ่อุปทานผลิตสินค้าของจีน ซึ่งบริษัทที่เข้าข่ายมากที่สุดคือ HANA รายได้ 30% มาจากการส่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไปยังผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ในจีน ส่วน KCE และ DELTA ผลกระทบมีจำกัดเนื่องจากเน้นส่งไปยังยุโรป นอกจากนั้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน หากสถานการณ์บานปลายจนการค้าโลกสะดุดอาจทำให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอการลงทุน 

อย่างไรก็ตาม KS Research ประเมินกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลักจะได้รับผลกระทบจำกัดทั้ง ค้าปลีก โรงพยาบาล โรงไฟฟ้า สื่อสาร ดังนั้นการปรับลดลงของกลุ่มเหล่านี้ตาม Sentiment เชิงลบของตลาด จะเป็นโอกาสในการเข้าเก็บสะสม กลยุทธ์การลงทุน : ประเมินแนวรับ SET Index อยู่ที่ 1,770 จุด โดยมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการลดช่วงลบในภาคบ่าย ซึ่งอาจดึงดัชนีกลับมาปิดที่ 1,780 จุดอีกครั้ง กลยุทธ์การลงทุนเน้นหลบไปยังกลุ่มหุ้น Domestic Play และ Defensive Play วันนี้เลือก RJH INTUCH และ BPP เป็น Top Pick ขณะที่ธีมการลงทุนระยะยาวโดยเฉพาะวัฐจักรการลงทุนรอบใหม่ AMATA WHA STEC BBL อาจได้รับแรงกดดันในช่วงนี้ มองเป็นโอกาสในการเข้าเก็บสะสมเพิ่มเพื่อรอการฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 มี.ค. 2561 เวลา : 11:48:46
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 9:01 am