สัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สะท้อนความไม่แน่นอนที่มีมากขึ้นว่า กนง.จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ได้ยาวนานแค่ไหน หลังมีมติ6ต่อ1 ซึ่งไม่เป็นเอกฉันท์แม้จะคงอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ระบุว่า กระทรวงการคลังมองว่าช่วง 1 ปีนี้ ยังไม่ควรปรับดอกเบี้ย เพราะแม้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้นจริง แต่ก็ยังเป็นการฟื้นตัวแบบไม่กระจายตัว ดังนั้นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือทำให้เกิดการฟื้นตัวแบบกระจายตัวอย่างเต็มที่ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อของไทยที่ยังอยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1-4% ซึ่งจากอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำอยู่ในขณะนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราเงินเฟ้อไม่ขยายตัวได้ตามกรอบเป้าหมาย
ด้านนายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ต่อปี โดยกรรมการ 1 เสียงเห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.5% เป็น 1.75% ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าภาวะการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจประเมินความเสี่ยงในอนาคตต่ำกว่าที่ควร และเห็นว่าการลดระดับการผ่อนคลายนโยบายการเงินลงบ้างไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ กนง. ยังได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ จากเดิม 3.9% เป็น 4.1% ละการส่งออกขยายตัว 7% จากเดิม 4% เป็นผลมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวและดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้น คาดจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทย 37.6 ล้านคน ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 62 คาดว่าขยายตัว 4.1% แม้เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ และมาตรการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าโลก จึงต้องติดตามใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน กนง. เห็นควรติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนสูงขึ้นและมีแนวโน้มผันผวนต่อ และต้องติดตามความสามารถชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและธุรกิจเอสเอ็มอีต่อเนื่อง
ส่วน ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ผลการประชุมกนง. ในวันที่ 28 มี.ค. 61 ถือว่าเป็นไปตามคาด ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.5% แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือคะแนนเสียงออกมา ไม่เป็นเอกฉันท์เหมือนการประชุม 22 ครั้ง ที่ผ่านมา โดยมี 1 เสียง ให้ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณของกนง.ที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องและเงินเฟ้อมีโอกาสเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปีนี้
เพราะการดำเนินนโยบายการเงินไม่สามารถรอให้เงินเฟ้อถึงเป้าหมายก่อน แล้วค่อยขึ้นดอกเบี้ยเพราะจะไม่ทันกาล แต่การดำเนินนโยบายการเงินต้องมองไปข้างหน้า ดังนั้นการส่งสัญญาณของกนง.ครั้งนี้ถือว่าเหมาะสม โดยคาดการณ์ว่ากนง.มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย ได้ 1 ครั้งในช่วงปลายปีนี้
ข่าวเด่น