บล.เออีซี (AECS) ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,690-1,755 จุด ปัจจัยเสี่ยงจากประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่งผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า หวั่นทำให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนสูง ด้านฝ่ายวิจัย แนะหุ้นค้าปลีก,โรงพยาบาล,โรงแรม,ธนาคารพาณิชย์
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้(9-12 เม.ย)โดยทางฝ่ายวิจัยมองว่า สัปดาห์นี้เราคาดว่านักลงทุนยังให้น้ำหนักกับประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน จากคืนวันศุกร์สถานการณ์ดังกล่าวกลับมาร้อนแรงขึ้น หลังทรัมป์ประกาศแผนจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์
ประเด็นดังกล่าวถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ เนื่องจากเป้าหมายของทรัมป์คือการลดขาดดุลของสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันได้สูงขึ้นแตะระดับ 5 แสนล้านดอลลาร์ หากตัวเลขดังกล่าวยังไม่ชะลอลง อาจทำให้สหรัฐฯ มีการประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าจากสินค้าอื่นมากขึ้น นอกจากนี้ผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ของจีน จะเป็นปัจจัยกดดันรายได้เกษตรกรของสหรัฐฯ และทำให้ เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวลง
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยมองว่า แนะนำให้นักลงทุนคอยติดตามการประกาศต่างๆ จากทำเนียบขาวอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจากับจีน อาจทำให้ ทรัมป์กลับมาโจมตีด้านการค้ากับจีน หรือ 10 ประเทศที่มียอดขายดุลกับสหรัฐฯ ในระดับสูงอีกครั้ง และสร้าง Sentiment เชิงลบให้กับตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเรามองยังคงมีความผันผวนสูงและทิศทางลงยังเป็นต่อ
ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “ดีดขึ้นขายเพื่อถือเงินสดเพิ่ม และค่อยกลับมาทยอยซื้อสะสมเมื่อดัชนีลงมาแนวรับสำคัญ 1,690+/-” ในหุ้นที่คาดจะ Outperform ตลาดดังนี้ หุ้นDomestic Play ที่ยังโตแกร่ง พร้อมเป็นหลุมหลบภัยยามตลาดผันผวน เช่น กลุ่มค้าปลีกHMPRO, CPALL, BJC, กลุ่ม รพ. BCH, RJH , กลุ่มโรงแรม MINT, ERW
นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าราคาจะเริ่มกลับมาทยอยฟื้นตัวได้หลังปรับตัวลงแรงมากแล้ว เช่น KBANK, SCB, BBL, TMB สุดท้าย หุ้นจ่าย Div. Yield เกิน 3% โดยจะขึ้น XD เม.ย.–พ.ค. นี้ : KKP, AIT, SC, AP, LH ทั้งนี้กลุ่มที่มีโอกาสปรับตัวลงต่อจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น CONMAT โดยหุ้นที่ควรระวังอาจปรับตัวลงต่อ เช่น SCC, SKN
ข่าวเด่น