วันนี้ (19 เมษายน 2561) เวลา 09.00 น. ณ อาคาร 6 ชั้น 7 กรมการขนส่งทางบก ในงานแถลงข่าวสงกรานต์วิถีไทย เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ รถโดยสารปลอดภัย ไม่มีผู้โดยสารเสียชีวิต นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยนายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกับผู้แทนภาคีเครือข่าย ได้แก่ นายณัฐวุฒิ อ่อนน้อม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), พันตำรวจเอก เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวงกองบังคับการตำรวจทางหลวง, นายอรรถพล สังขวาสี ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, นายอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย ในฐานะผู้แทนภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” และนายแพทย์ธนะพงศ์ จินวงษ์ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ร่วมเสวนา “สรุปผลการดูแลประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561”
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ผลการดำเนินการตามมาตรการเข้มข้น 777 ยกกำลังสามของกระทรวงคมนาคม ภายใต้แนวคิด One Transport ในช่วง 7 วันเข้มข้นรองรับการเดินทางของประชาชน วันที่ 11-17 เมษายน 2561 กรมการขนส่งทางบกได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), ทหาร, ตำรวจ, หน่วยงานท้องถิ่น, ภาคีเครือข่ายภาคเอกชน รวมถึงความร่วมมือจากผู้ประกอบการขนส่ง พนักงานขับรถและผู้ประจำรถ ร่วมดำเนินการตามนโยบายอำนวยความสะดวกและปลอดภัย ทั้งการเข้มข้นมาตรการสแกนความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ ทุกคน ทุกคัน ก่อนออกเดินทาง ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดทุกแห่งทั่วประเทศรวม 212 แห่ง ควบคู่กับการติดตามพฤติกรรมการขับรถและการใช้ความเร็วของรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารเช่าเหมาที่นำมาเสริมในทุกเส้นทาง ผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPSทั้งที่ส่วนกลางและทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงประชาชนผู้โดยสารร่วมติดตามรถโดยสารสาธารณะผ่านแอพพลิเคชั่น DLT GPS ตรวจสอบความเร็ว ชั่วโมงการทำงาน รู้พิกัด รู้จุดจอด ร้องเรียนพฤติกรรมเสี่ยงได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังบูรณาการจัดเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าสกัดระงับพฤติกรรมเสี่ยงทันที พร้อมดำเนินการตามกฎหมายสูงสุดเด็ดขาดในทุกกรณีความผิด ส่งผลให้สงกรานต์ 2561 ไม่มีอุบัติเหตุรุนแรงในระบบรถโดยสารสาธารณะ ไม่มีผู้โดยสารเสียชีวิตที่มากับรถโดยสารสาธารณะทุกคันทุกเส้นทาง ในการเดินทางทั้งไปและกลับ โดยพบว่าสงกรานต์ปี 2561 มีสถิติอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถโดยสารสาธารณะทั้งหมด 15 ครั้ง (ลดลง 5 ครั้ง เมื่อเทียบจากสงกรานต์ปี 2560) ในจำนวนนี้มีรถโดยสารสาธารณะเป็นต้นเหตุ 8 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 6 ราย โดยที่ไม่มีผู้โดยสารเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่รถโดยสารสาธารณะเป็นต้นเหตุ ซึ่งถือเป็นผลจากมาตรการเชิงป้องกันเข้มข้นจริงจัง ตามที่กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม และรัฐบาล มุ่งมั่นดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นผลจากความร่วมมือความทุ่มเททำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของผลการดำเนินการตามมาตรการ 7 วันเข้มข้นความปลอดภัยการเดินทาง ตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ จำนวน 140,154 คัน แบ่งเป็นรถโดยสารสาธารณะหมวด 2 (กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดทุกเส้นทาง) จำนวน 70,374 คัน และรถโดยสารสาธารณะหมวด 3 (เส้นทางระหว่างจังหวัด) จำนวน 69,780 คัน พบข้อบกพร่องเกี่ยวกับตัวรถรวม 438 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถโดยสารที่มีข้อบกพร่องที่กระทบต่อความปลอดภัยและสั่งห้ามใช้รถจำนวน 21 คัน เนื่องจากไม่มีการเชื่อมต่อข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS และสั่งเปลี่ยนรถคันใหม่ทดแทนจำนวน 11 คันเนื่องจากสภาพยางมีรอยฉีกขาด บวม นูน, ไฟเบรกชำรุด ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายให้ความร่วมมือดำเนินการเปลี่ยนรถคันใหม่ที่มีสภาพความพร้อมปลอดภัย ในการใช้งานโดยไม่ล่าช้า จึงไม่กระทบในการเดินทางของประชาชน ส่วนการตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถพบข้อบกพร่องจำนวน 26 คน ในจำนวนนี้อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการให้บริการจึงสั่งเปลี่ยนตัวผู้ขับรถทันที จำนวน 7 ราย พร้อมดำเนินการเปรียบเทียบปรับ บันทึกประวัติที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะแล้วทุกราย
ด้านผลการตรวจความพร้อมรถโดยสารและรถเช่าเหมา (รถโดยสารไม่ประจำทาง) ระหว่างทาง บนเส้นทางสายหลักใน 16 จังหวัด 19 แห่งทั่วประเทศ รวม 7 วัน เรียกรถโดยสารเข้าตรวจสอบทั้งสิ้น 32,624 คัน พบรถบกพร่องจำนวน 171 คัน ในจำนวนนี้พ่นห้ามใช้รถจำนวน 15 คัน ส่วนใหญ่พบปัญหาเกี่ยวกับเข็มขัดนิรภัยซึ่งใช้งานไม่ได้ในบางที่นั่ง หรือกระจกมีรอยแตกร้าว และระบบ GPS เชื่อมต่อไม่เสถียร ด้านพนักงานขับรถพบไม่ปฏิบัติตามระเบียบจำนวน 245 ราย ส่วนใหญ่แต่งกายไม่เรียบร้อยไม่ลงบันทึกเวลาในสมุดประจำรถ ส่วนมาตรการตรวจสารเสพติดพนักงานขับรถทั่วประเทศ ตรวจพบและนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายทันที 4 ราย ซึ่งเป็นการตรวจพบก่อนออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารจึงไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรเข้มงวดตรวจสอบการใช้ความเร็วของรถโดยสารทุกคันจากระบบ GPS รวม 7 วัน พบความความผิดฝ่าฝืนใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด ได้แก่ รถโดยสารประจำทาง 34,664 คัน และรถโดยสารไม่ประจำทาง 23,207 คัน ส่วนการตรวจจับด้วยกล้องเลเซอร์จากจำนวนทั้งสิ้น 17,841 คัน พบความผิดเป็นรถโดยสารประจำทาง 149 คัน และรถโดยสารไม่ประจำทาง 118 คัน ประสานเจ้าหน้าที่สกัดในเส้นทาง พร้อมแจ้งผู้ประกอบการขนส่งทันที และออกหนังสือเรียกตัวผู้ประกอบการขนส่งและพนักงานขับรถเข้ารายงานตัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้ายว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถโดยสารสาธารณะที่ลดลงทั้งจำนวนครั้งและความรุนแรง เป็นผลจากมาตรการเข้มข้น สแกนความพร้อมรถ ความพร้อมคนก่อนออกเดินทาง การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง ซึ่งได้มีการประชาสัมพันธ์รณรงค์มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงก่อนเทศกาล จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นผลจากการได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการขนส่งในการปรับปรุงสภาพรถและกำกับดูแลพนักงานขับรถอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ในภาพรวมความสูญเสียรถทุกประเภท กรมการขนส่งทางบกมีความห่วงใยและตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้เกิดขึ้นจากภายตัวคนไทย ทั้งการรณรงค์ให้ผู้ขับรถทุกประเภท “ขับช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด” และรณรงค์การสวมหมวกนิรภัยทั้งผู้ขี่และผู้ซ้อนรถจักรยานยนต์ช่วยลดความรุนแรงการบาดเจ็บที่ศีรษะ พร้อมกำหนดให้พื้นที่ของกรมการขนส่งทางบก สำนักงานขนส่งจังหวัด สำนักงานขนส่งสาขาทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นเขตสวมหมวกนิรภัย 100%(DLT Helmet Area) และร่วมส่งเสริมให้คนไทยทุกคนนำต้นทุนคนไทยซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ดีทั้งด้านจิตใจและพฤติกรรมของคนไทย ได้แก่ สำนึก น้ำใจ วินัย มารยาท ห่วงใย เกรงใจ อภัย และเคารพ ที่มีอยู่ในตัวมาสร้างเป็นทุนความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่ดีแก่คนไทยที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกันทุกคน
กรมการขนส่งทางบกเดินหน้ากำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และปรับมาตรการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุให้มีความเข้มข้นขึ้นยิ่งกว่าเดิม พร้อมทั้งควบคุมการตรวจสอบสภาพรถโดยสารสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ให้มีมาตรฐาน ความปลอดภัยอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการขนส่งในการกวดขันพนักงานขับรถอย่างเข้มข้นและจริงจัง เพื่อดูแลการเดินทางของประชาชนทุกจังหวัดทุกพื้นที่ทั่วไทยในทุกๆ วัน “Everyday for Everyone ทุกๆ วันเพื่อทุกวัน”
ข่าวเด่น