กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (“กองทุน DIF”) ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วย ประกาศจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานงวด 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย. 2561) ในอัตราหน่วยละ 0.3375 บาท กำหนดรายชื่อที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ก่อนจ่ายในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้การลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มทรูที่มีคุณภาพ จะช่วยหนุนประมาณการเงินปันผลต่อหน่วย (ตั้งแต่ 1 ก.ค.2561-30 มิ.ย. 2562) เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 1.04 บาท
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือDigital Telecommunications Infrastructure Fund (DIF) เปิดเผยว่า กองทุน DIF ซึ่งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่จัดตั้งขึ้นเป็นรายแรกและเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2561 ในอัตราหน่วยละ 0.3375 บาท โดยกองทุนได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 มิถุนายนนี้
สำหรับการจ่ายเงินปันผลดังกล่าว เป็นการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของกองทุน DIF ก่อนที่กองทุนจะดำเนินการเพิ่มทุนและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ในครั้งนี้ เพื่อสะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินงานที่สามารถสร้างรายได้และมีผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วยเดิม อย่างไรก็ตาม หน่วยลงทุนใหม่ที่กองทุนกำลังจะเสนอขายในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ จะไม่ได้รับสิทธิในเงินปันผลจากการดำเนินงานงวด 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย. 2561)
“อัตราการจ่ายเงินปันผลของกองทุนเป็นไปตามผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2561 ที่ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี และการประมาณการผลการดำเนินงานล่วงหน้าในงวดเดือนเมษายน2561 ของกองทุน DIF ที่ได้คำนึงถึงความรอบคอบ เพื่อให้สามารถจัดสรรเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.3375 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นอัตราที่เหมาะสมและสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี” นายสมิทธ์ กล่าว
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน Sole Global Coordinator และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศ กล่าวว่า กองทุน DIF อยู่ระหว่างเตรียมการเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่จำนวนรวมไม่เกิน 3,831 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 13.60-13.90 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมของหน่วยลงทุนที่เสนอขายทั้งหมดไม่เกินประมาณ 53,236 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานจากกลุ่มทรู ได้แก่ 1. กรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมสำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 2,589 เสา 2. กรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable หรือ FOC) สำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตรวมประมาณ590,305 คอร์กิโลเมตร และ 3. สิทธิการเช่าระยะยาวประมาณ 30 ปีในใยแก้วนำแสงสำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตประมาณ 619,986 คอร์กิโลเมตร รวมทั้งสิทธิการซื้อ (Call Option) ใยแก้วนำแสงดังกล่าว โดยมีราคาใช้สิทธิสำหรับซื้อกรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง 1,300 ล้านบาท
ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวของกองทุน DIF เชื่อว่า จะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานจากการขยายขอบเขตพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากขึ้น และทำให้อายุสัญญาเช่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักยาวนานขึ้นหรือ ประมาณ 20 ปี ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาวที่ดีและประมาณการให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลต่อหน่วย (ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2561-30มิ.ย. 2562 ) จากหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 1.04 บาท จากเดิมที่จ่ายปันผลต่อหน่วยลงทุนอยู่ที่ 0.98 บาท (ปี 2560)
ข่าวเด่น