‘บมจ. ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์’ หรือ TPIPP ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งที่ใหญ่ที่สุดในไทยที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โชว์รายได้รวมไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 1,547.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22.49% รับปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าสูงสุดอีกครั้ง มั่นใจไตรมาส 2 เติบโตต่อเนื่อง หลังโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะ COD ตั้งแต่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา และสามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 มีรายได้เติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวม 1,547.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 1,392.08 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 753.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 698.49 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่593.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.06%
การเติบโตของผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ มีปัจจัยหลักมาจากประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทฯ ดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรผลิตไอน้ำ (Boiler) เพิ่มเติมภายในโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านการผลิต ส่งผลให้มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าในไตรมาส1/61 เป็นสถิติสูงสุดอยู่ที่ 259 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า
“บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการเพิ่มอัตราการผลิตไฟฟ้า และบริหารต้นทุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสแรกปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 51.68% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ประมาณ48.01% โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีเงินสดและเงินฝากธนาคารกว่า 3,300 ล้านบาท และไม่มีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย” นายภัคพล กล่าว
นายภากร เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPIPP กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ TG 6 และโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงความร้อนทิ้ง TG 4 ได้ผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าตามสัญญาให้แก่ กฟผ. ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 MW ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา โดยตามสัญญาดังกล่าวบริษัทฯ ได้รับ Adder หรือส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าที่ 3.50 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานในไตรมาส2 เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการเดินเครื่องจักรเพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ.ของโรงไฟฟ้าใหม่ดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามแผนงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวม ผลการดำเนินงานบริษัทฯ ต่อไป
“นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถ COD โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะ-ถ่านหิน 70MW (TG 7) และโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน 150MW (TG 8) ได้ในไตรมาส 2 และต้นไตรมาส 3 นี้ โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ TPIPP สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงต่อไป” นายภากร กล่าว
ข่าวเด่น