ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่น จัดทัพ IoT สำหรับภาคอุตสาหกรรมรุกงาน Assembly & Automation Technology 2018 ตั้งเป้าเสริมศักยภาพให้ภาคอุตสาหกรรมไทย ด้วยโซลูชั่น EcoStruxure™ นวัตกรรม 3 ระดับ จัดเต็ม 4 โซน ได้แก่ โซนอีโคสตรัคเจอร์แมชชีน โซนอีโคสตรัคเจอร์แพลนท์ โซน Pro-face IIoT สำหรับอุตสาหกรรม และโซนกรณีศึกษาสำหรับลูกค้าที่ใช้งาน ทั้งหมดเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมในยุค 4.0 อย่างครบวงจร
นางพรเพ็ญ โสธนะพันธุ์ รองประธาน กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย เผยว่า ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการมุ่งถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับโลกด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น ในภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในยุค 4.0 ของประเทศไทย โดยแต่ละธุรกิจ เปรียบเสมือนฟันเฟืองของประเทศ ที่ต่างจำเป็นที่ต้องมีการปฏิรูปธุรกิจด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อน เพื่อลดกระบวนการดำเนินงาน สร้างความเป็นต่อให้กับกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาคการผลิต และธุรกิจ OEM (Original Equipment Manufacturer) รวมไปถึงผู้ที่ต้องการต่อยอดโรงงานให้เป็นสมาร์ทแฟคทอรี่”
ซึ่งในงาน Assembly & Automation Technology 2018 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้หยิบยกแพลตฟอร์ม EcoStruxure ซึ่งแบ่งการทำงานเป็น 3 ระดับตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกัน ไปจนถึงระบบติดตามควบคุม และแอพพลิเคชั่นการวิเคราะห์ ที่ช่วยในเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากกระบวนการดำเนินงานต่าง ทำให้คาดการณ์ แนวโน้วต่างๆ ที่เอื้อต่อธุรกิจได้อย่างแม่นยำ ซึ่งนับว่าเป็นโซลูชั่นที่ครบครันต่อความจำเป็นสำหรับภาคอุตสาหกรรมยุคดิจิทัล
“บูธจัดแสดงเทคโนโลยีของชไนเดอร์ อิเล็คทริค Smart Machine & Plant ซึ่งประกอบไปด้วย 4 โซนด้วยกัน ได้แก่
โซนอีโคสตรัคเจอร์แมชชีน (EcoStruxure Machine) พบกับอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่ช่วยยกระดับระบบออโตเมชั่นบนเครื่องจักรให้ก้าวสู่ยุค 4.0 ได้อย่างแท้จริง ด้วย EcoStruxure Machine ซึ่งจะมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีการเชื่อมต่อกัน 3 ระดับ อาทิ Altivar Machine และ Modicon M241 รวมไปถึง ซอฟต์แวร์ EcoStruxure Machine Advisor อีกด้วย
โซนอีโคสตรัคเจอร์แพลนท์ (EcoStruxure Plant) เรียนรู้คอนเซ็ปท์ง่ายๆ ของ Smart Plant จากระบบจำลองโรงงาน รวมทั้งมาอัพเดท 4 เทรนด์สำคัญที่คนโรงงานยุค 4.0 นี้ไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็น Big Data, Ethernet, Cybersecurity และ Asset Management
โซน Pro-face IIoT หรือ IoT สำหรับ อุตสาหกรรม มีผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ได้แก่จอทัชสกรีน SP5000 สำหรับโรงงานอัจฉริยะ ความละเอียดระดับ Full HD ให้ความคมชัด พร้อมหน้าจอแบบมัลติทัชสกรีน สามารถย่อ-ขยายดูรายละเอียดในเชิงลึกได้อย่างชัดเจนด้วยปลายนิ้วสัมผัส รองรับการแสดงผลทั้งวีดีโอ และภาพกราฟิก 3 มิติ และยังง่ายในการบำรุงรักษา ด้วยคอนโทรลยูนิตแบบแยกส่วนกับจอ นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวซอฟต์แวร์ EcoStruxure Secure Connect Advisor หรือ Pro-face Connect เมื่อใช้งานร่วมกับจอPro-face ทำให้สามารถเข้าถึงหน้าจอได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ด้วยระบบเว็บคลาวด์เซอร์วิส และพบกับไฮไลท์ของโซนนี้ กับการเปิดตัวครั้งแรกในเประเทศไทยกับการนำเทคโนโลยี AR มาใช้กับงานออโตเมชั่น ด้วย EcoStruxure Augmented Operator Advisor หรือ AOA สามารถเรียกดูข้อมูลสถานะการทำงานของอุปกรณ์ ตลอดจนกระบวนการทำงานของเครื่องจักรในโรงงานได้ ด้วยการมองผ่านแท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ซึ่งจะแสดงผลได้ในแบบเรียลไทม์ ช่วยให้สามารถวินิจฉัยปัญหา พร้อมคำแนะนำ และสามารถส่งรายงานให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขได้ในทันที
โซนกรณีศึกษาสำหรับลูกค้าที่ใช้งาน ร่วมค้นหาความสำเร็จกับลูกค้าของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจยุคดิจิทัล พร้อมพบกับโครงการประกวด Plant of the Future โครงการระดับนักศึกษา แต่ผลงานระดับประเทศ ที่ผู้ประกอบการอาจคาดไม่ถึงว่า ใช้เทคโนโลยีของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เพียงไม่กี่อุปกรณ์ แต่สร้างกระบวนการอัตโนมัติทางการเกษตรได้อย่างครบวงจร” นางพรเพ็ญกล่าว
พบกับเทคโนโลยีแห่งยุคได้ที่ บูธ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค Smart Machine and Plant หมายเลข 8M27ฮอลล์ 99 ระหว่างวันที่ 20 - 23 มิถุนายน 2561 เวลา 10.00 – 18.00 น. ณ ไบเทค บางนา
ข่าวเด่น