การค้า-อุตสาหกรรม
เอ็นอีเอ เปิดตัวโครงการ 'พาสปอร์ตทูโกลบอลชาเลนจ์' หวังกระตุ้นธุรกิจ


กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP เผยสถานการณ์การส่งออกครึ่งปีหลัง 2561 ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยมีปัจจัยสำคัญจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ดีอย่างต่อเนื่อง คู่ค้าสำคัญที่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี พร้อมชี้ตลาดส่งออกสำคัญยังคงเป็นกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญยังคงเป็นประเภทอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ความงามต่างๆ นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดย สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA ยังได้เตรียมจัดโครงการพัฒนาธุรกิจสู่การค้าระหว่างประเทศ หรือ Passport to Global Challenge : PGC by NEA เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ หรือผู้ที่ความสนใจและตั้งใจในการประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีความตื่นตัวเข้าสู่กระบวนการการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น โดยเป็นการอบรมและประกวดเขียนแผนธุรกิจยุคใหม่ เพื่อรับสิทธิประโยชน์และรางวัลมากมาย

 

 

นายสุพพัต อ่องแสงคุณ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  เผยถึง ภาพรวมและทิศทางการส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง 2561 ว่า “การส่งออกไทยยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2561 และถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้นในทุกๆภูมิภาค ทำให้เกิดความต้องการบริโภคสินค้าต่างๆ มากขึ้น สำหรับการส่งออกในช่วง 6 เดือนสุดท้ายของปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายการส่งออกที่วางไว้ โดยมีปัจจัยสำคัญจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ คู่ค้าสำคัญที่ล้วนมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

นายสุพพัต ได้เปิดตัวโครงการ Passport to Global Challenge : PGC by NEA เพื่อเฟ้นหาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ผ่านกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ในรูปแบบการแข่งขันประกวดแนวคิดและแผนธุรกิจ พร้อมทั้งอบรมเสริมสร้างความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงให้คำปรึกษาในเชิงลึก ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้ยกระดับขีดความสามารถ เพื่อเข้าสู่กระบวนการค้าระหว่างประเทศได้อย่างเป็นมาตรฐานสากล ภายใต้บริบทการค้า “New Econmy”

ด้าน นายพรวิช ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEAกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวถึง รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ Passport to Global Challenge : PGC by NEA ว่า สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้น  ซึ่งเป็นกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ในรูปแบบการแข่งขันท้าทาย ประกวดแนวคิดแผนกลยุทธ์และการเตรียมพร้อมธุรกิจสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศ โดยให้จัดทำแผนธุรกิจเป็นกิจกรรมกระตุ้นความสนใจและสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง พร้อมทั้งเสริมสร้างและเพิ่มทักษะ ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศและให้คำปรึกษาเชิงลึก ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคมีศักยภาพและสามารถเข้าสู่กระบวนการการค้าระหว่างประเทศได้อย่างเป็นมาตรฐานสากลภายใต้บริบททางการค้า New Economy ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ โครงการ Passport to Global Challenge รุ่นที่ 2 นี้  จะเปิดรับสมัครสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ,ผู้ประกอบการ Startup , ผู้ประกอบการที่มีความสนใจ และตั้งใจในการประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีกำหนดจัดขึ้นใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ และผ่านการคัดเลือกจำนวนทั้งสิ้น 250 รายในรอบแรก จะได้รับสิทธิประโยชน์ จากสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) เช่น การเรียนหลักสูตรอบรม Online (E-Academy) โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการสมัครจำนวน 1 หลักสูตร และผู้ที่ชนะการประกวดแผนธุรกิจ Business Model Canvasยังจะได้รับสิทธิประโยชน์และของรางวัลมากมาย โดยจะเริ่มเปิดรับสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 10กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEAกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผู้ประกอบการได้มีโอกาสก้าวสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศ โดยได้มุ้งเน้นให้กลุ่มผู้ดำเนินธุรกิจได้มีทักษะที่สำคัญทั้ง การสื่อสาร แผนธุรกิจ การเข้าใจถึงกระบวนการและกฎระเบียบที่สำคัญในการส่งออก การพัฒนาสินค้าและการเข้าถึงตลาดในยุคใหม่ ฯลฯ  โดยได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี ไปจนถึงระดับประเทศ ซึ่งมีการดำเนินงานสนับสนุน 3 มิติ ได้แก่

1.พัฒนาผู้ประกอบการด้วยองค์ความรู้รอบด้านในเรื่องของการทำธุรกิจ อาทิ การค้าออนไลน์ โดยมีโครงการสำคัญ ในการทำตลาดการค้าดิจิทัล โดยบูรณาการร่วมกับAlibaba business School ,Facebook line และ google อาทิ โครงการ ครบเครื่องเรื่องการค้าออนไลน์ , หลักสูตร รวยลัด รวยไว กับการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดโลกด้วยอาลีบาบา เป็นต้น ทางด้านการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศ อาทิ โครงการฝึกอบรม “เรียนรู้ เรียนลัด มุ่งการส่งออก(Express Exporter)

2.ส่งเสริมผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและความพร้อม โดยนำผู้ประกอบการมาเข้าร่วมโครงการบ่มเพาะองค์ความรู้ ปลุกปั้นผ่านการบูรณาการและทำงานร่วมกันในทุกภาคส่วน (Ecosystem Incubetion) จากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้ง กูรูและนักวิชาการที่มีความรู้ละความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยก้าวขึ้นไปในเวทีการค้าโลกได้อย่างเข็มแข็งและยั่งยืน

3.ต่อยอดให้ผู้ประกอบการมองเห็นช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการให้คำปรึกษา และแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละประเทศ รวมทั้งทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ และส่งต่อผู้ประกอบการให้มองเห็นช่องทางการตลาด ด้วยการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า หรือกิจกรรมรองรับของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เช่น งาน Top Thai Brands , Mini Thailand Week เป็นต้น

สำหรับผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทรศัพท์ 02 507 7999 หรือ www.nea.ditp.go.th


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 10 ก.ค. 2561 เวลา : 18:03:31
16-01-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ January 16, 2025, 12:43 pm