มูลค่าการส่งออกไทยเดือน มิ.ย. ขยายตัวสูงต่อเนื่องที่8.2%YOY นำโดยการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป และเคมีภัณฑ์และพลาสติก ที่เติบโต 23.5%YOY และ13.6%YOY ตามลำดับ ด้านการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหลักยังคงเติบโตได้ดี ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ที่ยังขยายตัวต่อเนื่องที่ 12.0%YOY และ7.4%YOY ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การส่งออกยางพารายังคงหดตัว10.4%YOY จากราคาในตลาดโลกที่ตกต่ำ ทั้งนี้ การส่งออกในช่วง 6เดือนแรกของปี 2018 เติบโตที่ 11.0%YOY
มูลค่าการส่งออกแผงโซลาร์โดยรวมลดลงจากการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่หดตัว โดยการส่งออกอุปกรณ์กึ่งตัวนำ (แผงโซลาร์) โดยรวมลดลง 21.8%YOY สาเหตุสำคัญมาจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (safeguard tariff) ซึ่งส่งผลให้การส่งออกอุปกรณ์กึ่งตัวนำไปยังสหรัฐฯ หดตัวที่ 84.6%YOY อย่างไรก็ดี มูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ของสินค้าอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ได้แก่ เครื่องซักผ้า เครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ยังขยายตัวได้ที่ 4.7%YOY และ 24.9%YOY ตามลำดับ เนื่องจากราคารวมอัตราภาษีดังกล่าวของสินค้าส่งออกไทยยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ ประกอบกับผู้ผลิตเหล็กบางรายได้รับการยกเว้นภาษีจากสหรัฐฯ ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวในภาพรวมยังขยายตัวอยู่ที่5.0%YOY และ 21.4%YOY ตามลำดับ
มูลค่าการนำเข้าเติบโตต่อเนื่องที่ 10.8%YOY จากการนำเข้าสินค้าในกลุ่มสินค้าเชื้อเพลิงที่เติบโตกว่า 49.9%YOY ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ด้านการนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยังขยายตัวที่ 23.1%YOY ตามแนวโน้มการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในสินค้ากลุ่มดังกล่าว ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน (ไม่รวมเครื่องบินและเรือ) ขยายตัว15.2%YOY ทั้งนี้ การนำเข้าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2018 เติบโตที่15.6%YOY
อีไอซีคาดมูลค่าการส่งออกทั้งปี 2018 จะขยายตัวที่ 8.5%โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากทั้งเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าของไทยในระยะต่อไปมีแนวโน้มเติบโตชะลอลง หลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลกเติบโตช้าลงสะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Global Manufacturing PMI) ที่ชะลอลงตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาและลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนที่ 53.0 ในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงสงครามการค้าที่ต้องจับตาในกรณีที่มีมาตรการและการตอบโต้ออกมามากขึ้น แม้ในปัจจุบันผลต่อการส่งออกไทยในปี 2018 ยังมีค่อนข้างจำกัด
อีไอซีคาดว่ามูลค่าการนำเข้าทั้งปี 2018 จะขยายตัวที่ 13.5% โดยเติบโตตามความต้องการสินค้าวัตถุดิบและสินค้าทุน ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวตามการส่งออก การลงทุนในประเทศทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงหลังจากนี้ ประกอบกับมูลค่าการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งอีไอซีประเมินว่าการเพิ่มสูงขึ้นของมูลค่าการนำเข้าน้ำมันในปีนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ดุลการค้าและดุลบัญชีสะพัดมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม อีไอซีคาดว่าการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในปี 2018 ยังอยู่ในระดับสูงที่ราว 8%ต่อ GDP ซึ่งสะท้อนถึงเสถียรภาพระหว่างประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ดี
ข่าวเด่น