การท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ ซึ่งเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต จนทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตไปกว่า 40 ราย ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าว
.jpg)
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วันที่ 2 ส.ค.นี้ ททท.เตรียมเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ททช.) เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งระบบ และขอให้พิจารณาจัดตั้งหน่วยงานด้านความปลอดภัยและรักษาความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวระดับประเทศ ภายใต้ชื่อ “Safety and Security Tourism Thailand” (SSTT) เพื่อดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวให้เทียบชั้นระดับโลก โดยมีแนวคิดในเบื้องต้นคือหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน จะสามารถใช้อำนาจสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เลย เช่น กรมเจ้าท่า ตำรวจท่องเที่ยว และอื่นๆ
โดยการจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าว ททท.ตั้งเป้าว่า อย่างน้อยต้องกู้สถานการณ์ให้นักท่องเที่ยวจีนกลับคืนมาเที่ยวในประเทศไทยให้ได้ 70-80% ของภาวะปกติ และเดือน ต.ค.นี้ จะถือเป็นเช็คพอยต์แรกที่ทำให้เห็นว่าปฏิกิริยาของจีนต่อการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ททท.มองว่า จำเป็นที่ต้องมีหน่วยงานใหญ่ที่ดูแลด้านความปลอดภัยในภาพรวมของท่องเที่ยวไทยทั้งหมด เพราะนี่คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว รองรับตลาดคุณภาพ เช่น กลุ่มครอบครัว กลุ่มเศรษฐี และอื่นๆ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการทำตลาดของ ททท.
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จะเสนอในที่ประชุม ททช. จะเน้น 3 เรื่องคือ 1.การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ 2.การเฝ้าระวัง และ 3.การคุ้มครองเยียวยา ครอบคลุมทุกรูปแบบการเดินทางทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
ทั้งนี้สถิติการเกิดอุบัติเหตุและปัญหาความปลอดภัยและความมั่นคงต่อชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวยังมีต่อเนื่อง และอยู่ในระดับสูงมาก สะท้อนให้เห็นผลการจัดอันดับของเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม (WEF) ที่จัดทำดัชนีขีดความสามารถในการแข่งขันเรื่องการเดินทางและการท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมา ในหมวดหมู่ความปลอดภัยและความมั่นคง (Safety and Security)ไทย รั้งอันดับ 118 จาก 136 เกือบท้ายสุดของโลก

ด้าน นายนริศ สถาผลเดชา เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (TMB) ยอมรับว่า เหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ตส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด สะท้อนได้จากยอดยกเลิกการจองห้องพักและกรุ๊ปทัวร์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ แต่ประเมินว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆเท่านั้น ราว 2-3 เดือน และไม่มีนัยยะต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม หลังทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนกำลังเร่งสื่อสารและหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ซึ่งภาคการท่องเที่ยว ยังเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อ่อนไหวดังกล่าวขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจีดีพีไทยปี 2561 จะเติบโตได้อย่างน้อย 4.5% และมองว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังมีโอกาสอีกมาก เนื่องจากปัจจุบันคนจีนที่มีหนังสือเดินทางคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 10% เท่านั้น จากประชากรจีนทั้งประเทศ ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่คนจีนนิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุด ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมาก ค่าครองชีพที่ถูก รวมทั้งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม
ข่าวเด่น