“กรุงศรีออโต้" ลั่นเพิ่มมาร์เก็ตแชร์สินเชื่อใหม่เป็น 31% จากปีก่อน 30% หนีคู่แข่งที่พยายามเบียดแข่ง มั่นใจรักษาตำแหน่งเจ้าตลาดสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ได้ต่อไป ตั้งเป้าสินเชื่อรถจักรยานยนต์ปีนี้โต 7% ดันพอร์ตเพิ่ม 1.67 หมื่นล้าน สินเชื่อคงค้างแตะ 2.6 หมื่นล้าน ชูกลยุทธ์เชิงรุก “ขยายดีลเลอร์ทั้งแนวราบ-แนวลึก” จัดโซนนิ่งใหม่ 12 โซน แยก “ชลบุรี” ออกต่างหาก โฟกัสตลาดกรุงเทพและตะวันออก

คลิกชมคลิป

นางกฤติยา ศรีสนิท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้การแข่งขันปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) ในครึ่งปีหลังและต่อจากนี้จะมีความรุนแรงมากขึ้น แต่บริษัทมั่นใจว่าสามารถรักษาความเป็นเจ้าตลาดสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์เป็นอันดับหนึ่งได้ต่อไป เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ของบริษัทอื่นที่ทำสินเชื่อประเภทเดียวกันยังห่างกับพอร์ตสินเชื่อของกรุงศรีออโต้ค่อนข้างมากถึงสามเท่าตัว นอกจากนี้ ในปีนี้มั่นใจว่าส่วนแบ่งทางการตลาดสินเชื่อใหม่ของกรุงศรีมอเตอร์ไซด์จะเพิ่มขึ้นเป็น 31% จากปีก่อนอยู่ที่ 30% ซึ่งจะตอกย้ำการเป็นอันดับหนึ่งของกรุงศรีมอเตอร์ไซค์ในตลาดสินเชื่อรถจักรยานยนต์ได้ต่อไปอย่างแน่นอน

“ปีนี้บริษัทตั้งเป้ามูลค่ายอดสินเชื่อใหม่ของกลุ่มผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ที่ 16,700 ล้านบาท หรือเติบโต 7% จากสินเชื่อรถจักรยานยนต์คงค้างปีก่อน 15,600 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างรวมในปีนี้จะแตะ 26,000 ล้านบาท หรือเติบโต 16% จากปีก่อนอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท” นางกฤติยากล่าว

นางกฤติยากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ หากดูผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่รถจักรยานยนต์ รถบิ๊กไบค์ และรถบิ๊กไบค์มือสอง ได้แล้วเป็นมูลค่ารวม 8,900 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 19% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อได้ 7,500 ล้านบาท ซึ่งยอดที่เติบโตดังกล่าวสวนทางกับยอดขายรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรกของตลาดที่หดตัวลง 2% โดยอยู่ที่ 935,000 คัน จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดขาย 950,000 คัน ส่วนตลาดสินเชื่อรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 27,000 ล้านบาท หดตัว 2% เช่นกัน จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดสินเชื่อ 27,500 ล้านบาท

“คาดว่าปีนี้ยอดขายรถจักรยานยนต์ในตลาดจะเติบโตเพียง 1% หรือประมาณ 1,830,000 คัน ลดลงจากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าจะเติบโต 3% หรืออยู่ที่ 1,870,000 คัน เป็นผลจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะยางพารา ปาล์ม และพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ทำให้กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว”นางกฤติยากล่าว

นางกฤติยากล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ การเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัท ซึ่งสวนทางกับตลาดที่หดตัว เป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกอย่างต่อเนื่องใน 3 ด้าน คือ เดินหน้าขยายพื้นที่บริการดีลเลอร์ในเชิงราบและเชิงลึก เพื่อเจาะตลาดที่มีศักยภาพผ่านสาขาของกรุงศรี ออโต้ ที่มี 51 แห่งทั่วประเทศ และการจัดระบบโซนนิ่งเชิงกลยุทธ์ โดยจัดโซนนิ่งใหม่เป็น 12 โซน แยกจังหวัดชลบุรี ซึ่งมีศักยภาพ ออกมาเป็นอีกโซน พร้อมเพิ่มกำลังคนในการให้บริการดีลเลอร์ในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภคด้วยการเปิดช่องทางบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และรุกให้บริการในงานมหกรรมยานยนต์ทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงออกแบบแคมเปญสื่อสารการตลาดออนไลน์เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มรถบิ๊กไบค์ นอกจากนั้น ยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง เช่น ออกแบบข้อเสนอที่ตอบโจทย์ทั้งดีลเลอร์และผู้บริโภค ซึ่งมีความต้องการแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ รวมถึงใช้เทคโนโลยีเพื่อให้บริการที่ฉับไวยิ่งขึ้น ทำให้กรุงศรีมอเตอร์ไซค์สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ตลอดจนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีลเลอร์เชื่อมั่นและเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคจดจำมาโดยตลอด

“บริษัทยังคงมุ่งเน้นเจาะตลาดกรุงเทพและปริมณฑลซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง รวมถึงขยายเจาะตลาดภาคตะวันออก ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ที่จะมีโครงการลงทุนเกิดขึ้นมาก และมีความต้องการสินเชื่อมอเตอร์ไซค์เพิ่มขึ้น” นางกฤติยาระบุ

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของอุตสาหกรรมนี้แม้จะหดตัว แต่เนื่องจากจะมีงานมหกรรมยานยนต์ทั่วประเทศอีกหลายงาน บริษัทจึงเตรียมที่จะออกแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะออกได้ประมาณเดือนสิงหาคม พฤศจิกายน และธันวาคม 2561 

คลิกชมคลิป

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส ยังกล่าวต่อไปว่า แม้การแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้น แต่บริษัทจะไม่เน้นการแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ย แต่จะเน้นด้านการบริการ ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่บริษัทคิดกับลูกค้าจะอยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกับตลาด เฉลี่ยอยู่ที่ 1.95-2% และรถบิ๊กไบค์ ที่ 5.6% 

สำหรับสัดส่วนหนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ครึ่งปีแรก 2561 อยู่ที่ 1.89% ซึ่งจบสิ้นปีนี้จะคุม NPL ให้ไม่เกิน 2% ทั้งนี้ การที่ NPL เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากกำลังซื้อที่ลดลง จากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ