สำหรับงาน Thailand Focus 2018 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 12 เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยมี 161 กองทุนจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน ถือว่ามากเป็นประวัติการณ์ มูลค่าสินทรัพย์รวม 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ งานนี้มีการให้ข้อมูลทั้งด้านเศรษฐกิจ นโยบายภาครัฐ และข้อมูลบริษัทจดทะเบียนรายตัว 115 บริษัท ที่คุยกันแบบ one on one
โดยในช่วงที่ผ่านมา เมื่อมีการจัดงาน Thailand Focus ตลาดหุ้นไทยมักปรับตัวขึ้น และตามมาด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นหลายคนจึงคาดหวังให้สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เกิดขึ้นอีกในปีนี้ โดยเฉพาะการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติ เพราะตั้งแต่ต้นปีมา ต่างชาติขายหุ้นไทยหนักมาก
หากไปดู SET Index พบว่าช่วงนี้ปรับตัวขึ้นกว่า 40 จุด หรือราว 2.74% แต่เป็นผลจากสถาบันในประเทศ ที่เข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าซื้อราว 1.96 หมื่นล้านบาท
ขณะที่นับตั้งแต่ต้นปีมา (ytd) นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิสะสมหุ้นไทยกว่า 1.97 แสนล้านบาทตลอดทั้งปี เป็นยอดขายสะสมสูงสุด นับตั้งแต่ปี 2535 หรือตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯเริ่มเก็บข้อมูล เพราะฉะนั้นThailand Focus 2018 ซึ่งเป็นโอกาสที่ไทย จะให้ข้อมูลภาพรวมเศรษฐกิจที่ชัดเจนต่อต่างชาติ จึงสำคัญและถูกคาดหวังว่า จะดึงเงินทุนไหลกลับไทยได้
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ยังมีกระแสการเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เช่นเดียวกับที่ขายหุ้นอินโดนีเซี แต่ยังซื้อหุ้นไต้หวันต่อเนื่องเป็นวันที่ 3, ซื้อหุ้นเกาหลีใต้ต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
ทำให้นั้บตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.2561 จนถึงวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา หุ้นไทยถูกต่างชาติขายมากสุด 211 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วยดินโดนีเซีย ขาย 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, ฟิลิปปินส์ ขาย 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เกาหลีใต้ และไต้หวัน ต่างชาติกลับซื้อ 1.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 828 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ
หากพิจารณาจากข้อมูลย้อนหลัง นับจากต้นปี 2561 เป็นต้นมา (ytd) พบว่า ตลาดหุ้นที่ถูกต่างชาติขายมากสุด คือ ไต้หวัน 8.09 พันดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือตลาดหุ้นไทย 6.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วยอินโดนีเซีย 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, เกาหลีใต้ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และฟิลิปปินส์ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้นต้องติดตามว่า หลังงาน Thailand Focus 2018 แล้ว เงินทุนจะไหลกับเข้าตลาดหุ้นไทยหรือ หากยังไม่ไหลกลับ เชื่อว่า SET Index จะปรับตัวขึ้นจำกัด เนื่องจากมีประเด็นสำคัญคือ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสถูกปรับลดประมาณการกำไรลง เช่นจากการสำรวจของฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP พบว่า บทวิเคราะห์หลัง Analyst’s meeting หลังจากบริษัทจดทะเบียนประกาศงบไตรมาส 2 ปี 2561 แล้ว มีการปรับลดประมาณการผลประกอบการหลายบริษัท และมีนัยสำคัญต่อกำไรรวมของตลาด
ข่าวเด่น