บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย ประกาศออกหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2561 มูลค่า 70 ล้านบาท เพื่อบริหารต้นทุนทางการเงิน ทยอยล็อคต้นทุนดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด ควบคู่กับการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย พอร์ตเช่าซื้อเติบโต 10% ในปีนี้
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่าตามที่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ลงวันที่ 27 กันยายน 2560 และที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ลงวันที่ 25 เมษายน 2561 ได้มีมติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท และวงเงินไม่เกิน 600 ล้านบาท ตามลำดับ คณะกรรมการได้มอบอำนาจให้คณะกรรมการบริหาร เป็นผู้มีอำนาจในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ โดยบริษัทได้ออกหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2561 มูลค่า 600 ล้านบาทไปแล้วนั้น ทั้งนี้เมื่อรวมกับวงเงินหุ้นกู้ที่ได้รับอนุมัติในครั้งก่อน บริษัทยังคงมีวงเงินหุ้นกู้คงเหลือก่อนออกครั้งนี้รวม 3,200 ล้านบาท ล่าสุด คณะกรรมการบริหาร TK ได้ประกาศการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2561 มูลค่า 70 ล้านบาท ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุประมาณ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.64% ต่อปี เสนอขายแก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงจำนวนไม่เกิน 10 ราย โดยกำหนดวันออกหุ้นกู้ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2561 และครบกำหนดไถ่ถอน ณ วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2564
“วัตถุประสงค์สำคัญของการออกหุ้นกู้ มูลค่า 70 ล้านบาท ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมในการรับมือกับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่กำลังเป็นขาขึ้น ด้วยการทยอยล็อคต้นทุนทางการเงินของบริษัท เพื่อควบคุมต้นทุนทางธุรกิจ นอกเหนือจากการควบคุมต้นทุนในการดำเนินธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งการออกหุ้นกู้ เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่เราใช้มาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านอื่น ๆ ในตลาด เพื่อเพิ่มรายได้จากการดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและจากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ” นางสาวปฐมา กล่าว
นางสาวปฐมา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน TK มีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยประมาณ 2.5%ต่อปีและสัดส่วนเงินกู้ระยะยาว ต่อ เงินกู้ระยะสั้น ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 65:35 โดยเงินกู้ส่วนใหญ่ประมาณ 93% เป็นแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ ภายหลังการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ 70 ล้านบาทนี้ ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของ TK จะยังคงใกล้เคียงกับระดับเดิมที่ 2.5%ต่อปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัท ทั้งนี้ สัดส่วนหนี้สินต่อทุนหรือ Debt Equity Ratio (D/E Ratio) ของ TK ยังต่ำมากคือเพียง 1.20 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับ D/E Ratio ของบริษัทอื่นในธุรกิจเดียวกันที่สูงถึง 6-7 เท่า
นางสาวปฐมา กล่าวว่า พอร์ตลูกหนี้เช่าซื้อของ TK ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง 10ไตรมาสติดต่อกัน ในขณะที่ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยยังคงหดตัวเล็กน้อยจากราคาพืชผลการเกษตรที่ไม่สูงมากนัก ทำให้กำลังซื้อของลูกค้าในประเทศชะลอตัว แต่ TKก็ยังสามารถเติบโตได้ โดยในครึ่งปีแรกรายได้เติบโตประมาณ 8% จาก 1,778 ล้านบาทในปี 2560 เป็น 1,924 ล้านบาทในปี 2561 ส่วนผลประกอบการโดยรวมนั้นยังคงสามารถทำกำไรได้ 214 ล้านบาท ลดลง 4.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน TK มียอดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศเติบโตขึ้น 2.4% สวนทางกับยอดขายของตลาดในประเทศที่หดตัวลง 1.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อนับรวมสินเชื่อเช่าซื้อจากต่างประเทศด้วยแล้ว TK จะมียอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ขยายตัวขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา ยอดคงค้างสินเชื่อสุทธิรวม ณ30/6/61 อยู่ที่ 9,352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากสิ้นปี 2560 ลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ยังคงเติบโตดี ในขณะที่ลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ลดลง 15.8% ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่จะไม่แข่งขันด้านราคา ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของลูกหนี้สินเชื่อของกลุ่มไว้ที่ 10% ในปี 2561
ข่าวเด่น