ตอกย้ำมากขึ้น สำหรับทิศทางดอกเบี้ยบ้านเราที่เข้าสู่ขาขึ้นครับ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP เชื่อว่าปลายปีนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้ง 0.25% เพราะตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดเดือนส.ค.2561 ที่ 1.62% yoy สูงสุดในรอบ 4 ปี
เรียกว่าขณะนี้ เงินเฟ้อทะลุเกินดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% ไปแล้ว และเดือนก.ย.เชื่อว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นเป็น 1.72% และแตะ 2% ปลายปีนี้ ภายใต้สมมติฐาน FX ที่ 33 บาท/ดอลลาร์, ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้ที่ 65 เหรียญฯ/บาร์เรล เป็นหตุผลหลักทำให้เชื่อว่า ในที่สุดแล้ว กนง.คงอั้นไม่ได้ ต้องขึ้นดอกเบี้ย
ดังนั้นเรามาดูกันว่า กลุ่มไหนที่จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น แน่นอนว่าเป็นกลุ่มแบงก์ เนื่องจากโครงสร้างสินเชื่อกว่า 70% เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว จึงเป็นบวกต่อรายได้ดอกเบี้ยรับ หนุน NIM ให้ดีขึ้น แถมช่วยบรรเทาผลกระทบจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง
แต่เมื่อดูราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ พบว่าส่วนใหญ่มี upside จำกัด จึงแนะนำให้ เข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว โดยในกลุ่มแบงก์ ชอบหุ้น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และ บริษัททุนธนชาต หรือ TCAP
อีกกลุ่มหนึ่งที่จะรับผลบวกจากดอกเบี้ยขาขึ้น นั่นก็คือหุ้นที่มีสถานะเป็น net cash position หุ้นดังกล่าว จะมีรายได้จากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นนั่นเอง ฝ่ายวิจัยฯ รวบรวมมาให้เบื้องต้นมี 14 หุ้น ได้แก่
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คือ STEC, SYNTEC, PYLON, STPI, BJCHI
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ คือ HANA, DELTA, SVI
กลุ่มยานยนต์ คือ IRC, STANLY
กลุ่มธุรกิจสนามบิน คือ AOT
กลุ่มสื่อนอกบ้าน คือ PLANB, VGI, MACO
ดังนั้นฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส จึงเข้าไปดูข้อมูลราคาหุ้นของบริษัท net cash เหล่านี้ พบว่า ส่วนใหญ่ upside เริ่มจำกัดแล้ว มีเพียง STEC ที่ยังน่าสนใจ upside ราว 10.6% , PYLON 9.4%, STANLY 12%, VGI 27.2% และ MACO 24.1%
ข่าวเด่น