กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์เตือนผู้ส่งออกลิ้นจี่ไทยรักษาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าให้ดี และต้องพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย รักษาความสดใหม่ก่อนถึงมือลูกค้า เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของไทยให้คงอยู่ หลังพบเวียดนามเริ่มหันมาผลิตและส่งออกลิ้นจี่สู่ตลาดโลกเพิ่ม มากขึ้น
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ได้รายงานผลการติดตามสถานการณ์การผลิตและการค้าลิ้นจี่ของเวียดนาม โดยพบว่าในปัจจุบันจังหวัดบั๊กยาง ซึ่งเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนาม มีการผลิตลิ้นจี่ได้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปี 2561 จะผลิตได้สูงถึง 207,000 ตัน และมีแผนส่งออกไปขาย ใน 30 ประเทศกว่า 1,000ตัน โดยมีตลาดสำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป แคนาดา จีน ญี่ปุ่น ไทย และออสเตรเลีย และยังมีแผนขยายตลาดส่งออกไปยังตลาดใหม่ในยุโรปตะวันออกและรัสเซียเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ยังพบว่า จังหวัดบั๊กยางได้มีแผนผลักดันให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกลิ้นจี่เพิ่มขึ้น โดยจะขยายตลาดทั้งในประเทศและส่งออก ซึ่งตลาดในประเทศจะถูกส่งไปขายที่กรุงฮานอย โฮจิมินห์ กว๋างนิญ และดานัง และยังมีการนำเข้าไปจำหน่ายในห้างค้าปลีก เช่น Sai Gon Co.op , Hapro และ Big C เป็นต้น ส่วนตลาดต่างประเทศ ก็จะผลักดันส่งออกไปยังประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดได้ส่งออกไปยังมาเลเซีย และมีแนวโน้มที่มาเลเซียจะซื้ออย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน สำนักงานการค้าของเวียดนามในมาเลเซีย ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในมาเลเซีย เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม ไม่เพียงแค่ลิ้นจี่ แต่ยังขยายไปถึงผัก ผลไม้ อาหารทะเล และอาหารสำเร็จรูป และได้เดินหน้าในการพัฒนามาตรฐานสินค้า รูปแบบบรรจุภัณฑ์ และมาตรฐานการขนส่ง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดมาเลเซีย
“จะเห็นได้ว่าเวียดนาม มีการพัฒนาการเพาะปลูกและการส่งออกลิ้นจี่ไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของไทย และยังมีการส่งออกไปจำหน่ายในตลาดเดียวกันกับที่ไทยส่งออก ส่งผลให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น กรมฯ เห็นโอกาสในการขยายช่องทางตลาดแก่สินค้าของไทย จึงขอให้ผู้ส่งออกผลไม้ต้องรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าเอาไว้ให้ได้ และต้องพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยและรักษาสินค้าให้สดใหม่เมื่อถึงมือลูกค้า เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของสินค้าไทยให้ยังคงอยู่ต่อไป”นางจันทิรากล่าว
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169
ข่าวเด่น