สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2561 คิดเป็นร้อยละ 40.88 ของ GDP โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่องและวางรากฐานเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งรวมถึงโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ในขณะเดียวกันก็มีการชำระคืนหนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง โดยรายการชำระหนี้ที่สำคัญคือการชำระคืนหนี้ในประเทศของรัฐบาลก่อนครบกำหนด วงเงิน 10,383 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ยอดหนี้คงค้างลดลง และเป็นการลดภาระดอกเบี้ยในอนาคต ที่ต้องจ่ายจากเงินงบประมาณของประเทศได้ประมาณ 260 ล้านบาท
นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2561 มีจำนวน 6,557,290.60 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40.88 ของ GDP โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 5,251,290.17 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 922,047.84 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน* (รัฐบาลค้ำประกัน) 375,133.92 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 8,818.67 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
* หนี้รัฐบาล จำนวน 5,251,290.17 ล้านบาท มีรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของหนี้รัฐบาล ดังนี้
• การกู้เงินภายใต้แผนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 เพิ่มขึ้น 23,200 ล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยนำไปลงทุนในการพัฒนาประเทศสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
• การชำระคืนหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้ จำนวน 10,383 ล้านบาท
• การชำระคืนหนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จำนวน 1,381 ล้านบาท
• การกู้เพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศเพิ่มขึ้น 2,205.79 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการกู้ให้กู้ต่อแก่ (1) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 1,205.10 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีเขียว และสายสีน้ำเงิน (2) การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 945.12 ล้านบาท เพื่อจัดทำ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ โครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงนครปฐม – ชุมพร และโครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ และ (3) การเคหะแห่งชาติเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 55.57 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการอาคารพักอาศัยแปลง G ตามแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ทั้งนี้ เมื่อโครงการต่างๆ แล้วเสร็จคาดการณ์ว่าจะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ
โครงการลงทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่อยู่ระหว่างการเบิกจ่าย เมื่อแล้วเสร็จจะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจประมาณ 15.72 % ของมูลค่าการลงทุนของโครงการ จากการเพิ่มประสิทธิภาพ ของการขนส่งทางรถไฟ ลดระยะเวลาการเดินทาง กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ลดอุบุติเหตุบนท้องถนน และเป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางของประชาชน
โครงการลงทุนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เมื่อแล้วเสร็จจะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจประมาณ 15.13 % ของมูลค่าการลงทุนของโครงการ และประโยชน์ที่สังคมได้รับ ได้แก่ การประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ประหยัดเวลาของผู้ใช้ยานพาหนะ ลดความเสียหายจากอุบัติเหตุบนท้องถนน และลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม
• หนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นสุทธิ 1,233.83 ล้านบาท จากการเบิกจ่ายและชำระคืนเงินกู้สกุลต่างๆ การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
* หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 922,047.84 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
• หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน ลดลงสุทธิ 28.15 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากหนี้ที่ลดลงของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
• หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เพิ่มขึ้นสุทธิ 3,131.22 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
* หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 375,133.92 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 1,272.85 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากหนี้ที่ลดลงของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
* หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 8,818.67 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 19.34 ล้านบาท เนื่องจากหนี้ที่ลดลงของสำนักงานธนานุเคราะห์
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2561 จำนวน 6,557,290.60 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 6,300,573.04 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.09 และหนี้ต่างประเทศ 256,717.56 ล้านบาท (ประมาณ 7,719.46 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 3.91 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และหนี้สาธารณะ คงค้างแบ่งตามอายุคงเหลือ สามารถแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,672,526.27 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.51 และหนี้ระยะสั้น 884,764.33 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.49 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด
ข่าวเด่น