นักเศรษฐศาสตร์ เตือนรับมือสงครามการค้า กระทบค่าเงินตลาดเกิดใหม่ดิ่งรุนแรง ส่งผลต่อการส่งออก เชื่อเห็นผลชัดเจนในไตรมาส4
ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงวิกฤตการณ์เศรษฐกิจและค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มลุกลามเพิ่มขึ้น รวมถึงผลกระทบสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นว่า การลุกลามของวิกฤติเศรษฐกิจและการดิ่งลงของค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น รวมทั้งเงินทุนระยะสั้นเก็งกำไรไหลเข้าตลาดตราหนี้ของไทยเพิ่มขึ้น กดดันให้เงินบาทแข็งค่ามากขึ้นจนกระทบต่อภาคส่งออก
ขณะที่ผลกระทบจากการขยายวงของสงครามทางการค้า จะทำให้ปริมาณการค้าโลกและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาสสี่ ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาผลของการทำประชาพิจารณ์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะนำมาใช้ประกอบการพิจารณาในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติมมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์หรือไม่ หากมีการตัดสินใจเดินหน้าเก็บภาษีจากจีนเพิ่มเติมอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ คาดว่าจีนจะทำการตอบโต้ทางการค้าในระดับเดียวกัน จะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าโลกค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศในตลาดเกิดใหม่ จะไม่สามารถหยุดยั้งอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นรุนแรงและการอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงของค่าเงินได้ การสร้างความเชื่อมั่นด้วยการลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ลดการขาดดุลงบประมาณ ลดภาระหนี้สินต่างประเทศ คือ ทางออกของวิกฤติค่าเงิน ประเทศที่มีการเกินดุลการค้าและเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ล้วนมีค่าเงินที่มีเสถียรภาพและไม่เป็นเป้าหมายของการถูกโจมตีให้อ่อนค่าล
อย่างไรก็ตามผลกระทบจากวิกฤติค่าเงินในตลาดเกิดใหม่นั้น ยังกระทบไทยค่อนข้างจำกัด ขณะนี้ประเทศไทยมีการเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับ 45-47 พันล้านดอลลาร์ มีทุนสำรองระหว่างประเทศมากกว่า2 แสนล้านดอลลาร์ มีหนี้สินต่างประเทศระยะสั้นไม่มาก อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังค่อนข้างต่ำ สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของภาคธุรกิจแม้นเพิ่มขึ้น แต่ยังคงเป็นการกู้เงินในประเทศเป็นหลัก ดังนั้นหากเกิดกระแสเงินไหลออกและต้องชำระหนี้ต่างประเทศ ภาคธุรกิจไทยอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถรับมือได้
ข่าวเด่น