บล.โกลเบล็ก เผยหุ้นไทยได้อานิสงส์กระทรวงการคลังยื่นไฟลิ่งตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) กองทุนโครงสร้างพื้นฐานกองแรกของประเทศ วงเงิน 4.5 หมื่นลบ. พร้อมแนะจับตาการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-แคนาดา และ สหรัฐฯ-จีนส่อขยายวงกว้างมากขึ้น ให้กรอบดัชนี 1,665-1,710 จุด แนะลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ 12 ก.ย. ชู COM7 และ SPVI ส่วนราคาทองคำแนะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวใกล้ระดับ 1,180 ดอลลาร์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากกระทรวงการคลังยื่นไฟลิ่งตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) กองทุนโครงสร้างพื้นฐานกองแรกของประเทศ วงเงิน 4.5 หมื่นลบ.แล้ว คาดว่าจะเปิดขายราวสัปดาห์ที่สองของเดือน ต.ค. และจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้นเดือนพ.ย.นี้ หนุนแหล่งเงินทุนสำหรับ
เมกะโปรเจกต์ที่ทยอยเปิดประมูล ส่วนโครงการ TFF เฟส 2 คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเร็วๆ นี้
รวมถึง ญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าประมาณการเบื้องต้นที่ 1.9% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งหนุนภาพรวมเศรษฐกิจโลกขยายตัว
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันจากสงครามการค้าโลกมีแนวโน้มยืดเยื้อและขยายวงกว้าง การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าทั้งแคนาดาและจีนยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่เป้าหมายต่อไปคือ ญี่ปุ่น หลังสหรัฐขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และค่าจ้างรายชั่วโมงที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี ทำให้คาดว่าที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้
นอกจากนี้ ค่าเงินของประเทศที่เป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่หลายประเทศ อาทิ ตุรกี อินโดนีเซีย อินเดีย ทำให้ fund flow ไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่เพื่อลดความเสี่ยง นับเป็นปัจจัยหลักกดดันต่อภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ยังคงมีปัจจัยที่น่าจับตา ได้แก่ จับตาการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-แคนาดา และ สหรัฐฯ-จีน วันที่ 12 ก.ย. สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) (เช้าวันที่ 13 ก.ย.) วันที่ 13 ก.ย. ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย
ประกอบกับ วันที่ 19 ก.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธปท.เตรียมทบทวนตัวเลข GDP และในวันที่ 14 ก.ย. อียู เปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ค. สหรัฐ เปิดเผยราคานำเข้าและส่งออก ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,665-1,710 จุด แนะลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ 12 ก.ย. ได้แก่ COM7 และSPVI และหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำKKP, CENTEL, ERW, AOT, CK และ SSP
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่าสกุลเงินดอลลาร์มีแนวโน้มจะแข็งค่าต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์หน้าก่อนที่จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 26 ก.ย. เนื่องจากดัชนีบางตัวได้บ่งชี้ถึงโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวเร็วขึ้น ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งสิ้น 4 ครั้งในปีนี้ ซึ่งต้องจับตาถ้อยแถลงของประธาน Fed และความเห็นของคณะกรรมการ FOMC ว่าจะยืนยันการปรับขึ้นครั้งที่ 4หรือไม่
นอกจากนี้ แรงกดดันต่อนานาประเทศผ่านการทำสงครามการค้าของสหรัฐฯ ยังส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศที่มีความเสี่ยงว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ จึงเป็นปัจจัยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างน้อยก็ในระยะสั้น ดังนั้น ราคาทองคำจึงถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ไปจนถึงปลายเดือนนี้ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองทางเทคนิคที่ราคาไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 1,200 ดอลลาร์ได้ ทำให้ในระยะสั้นมีแนวโน้มจะแกว่ง sideway down
อย่างไรก็ตาม ทองคำยังอยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และเงินบาทที่อ่อนจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ จะช่วยให้สามารถเล่นเก็งกำไรแบบ swing trade หรือ ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวใกล้ระดับ 1,180 ดอลลาร์
ข่าวเด่น