“ยูเอซี โกลบอล” ประกาศจ่ายปันผลครึ่งปีแรก 0.10 บาทต่อหุ้น เอาใจผู้ถือหุ้น พร้อมกำหนดขึ้น XD 24 กันยายนนี้ พร้อมจ่ายเงินปันผล 9 ตุลาคม ด้าน “ชัชพล ประสพโชค” ส่งสัญญาณธุรกิจเทรดดิ้ง-ไบโอดีเซล ฟื้นตัว โชว์งานในมือธุรกิจเทรดดิ้งล่าสุดที่รอการส่งมอบกว่า 1,000 ล้าน ส่วนธุรกิจไบโอดีเซลฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังภาครัฐปลดล็อคเพิ่มสัดส่วน B 100 มั่นใจทั้งปีรายได้จะเติบโตแตะ 2,500 ล้าน
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสม ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินที่จ่ายเป็นเงินปันผลในครั้งนี้ จำนวน 66.76 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 กันยายน 2561 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 24 กันยายน 2561 เพื่อจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 9 ตุลาคม 2561
นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทตลอดระยะเวลา 8 ปี ในการเข้าซื้อขายในตลาด mai ที่ผ่านมา บริษัทสามารถคืนกำไร โดยการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการตอบแทนความเชื่อมั่นที่ให้การสนับสนุนบริษัทตลอดมา
ส่วนแนวโน้มภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 3 ปี 2561 คาดว่า มีขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการเติบโตของธุรกิจเทรดดิ้ง ที่มีการขยายตัวตามความต้องการใช้จากอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ โดยปัจจุบันมี Backlog รอการส่งมอบกว่า 1,000 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซล ยังมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังภาครัฐได้ปรับสัดส่วนไบโอดีเซล (B 100) ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก B7 เป็น B20 สำหรับกลุ่มรถบรรทุก จะช่วยเพิ่มปริมาณความต้องการใช้ B 100 ในประเทศ ทั้งนี้บริษัทฯเองถือหุ้น 30% ในบริษัท บางจาก ไบโอฟูเอล จำกัด น่าจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของยอดขายในไตรมาส 3 ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ในส่วนธุรกิจอื่นๆของบริษัท มีทิศทางการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) ซึ่งล่าสุดผู้บริหารบริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด (MOECO) ได้เข้าเยี่ยมชมกิจการของบริษัท ซึ่งเป็นการหารือถึงความร่วมมือทางธุรกิจในการให้บริการการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ Burapa A ที่ จังหวัดสุโขทัย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือนกันยายนนี้ ส่งผลให้โรงงาน PPP (จ.สุโขทัย) ของบริษัทได้รับก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้กระบวนการผลิต CNG LPG และ NGL เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สามารถเดินเครื่องผลิตได้อย่างเต็มกำลังมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับประมาณการแนวโน้มการเติบโตของรายได้ในปีนี้ บริษัทฯคาดว่ามีอัตราการเติบโตแตะระดับ 2,500 ล้านบาท และ มี EBITDA ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท ตามแผนการขยายธุรกิจทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจ Trading ด้านเคมีภัณฑ์ ที่มีการนำเข้าและจำหน่ายสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี ซึ่งยังมีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯวางกลยุทธ์ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาจำหน่าย พร้อมกับยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิม และ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรายได้ปีละ 3,000 ล้านบาทในปี 2020
ข่าวเด่น