ประกัน
"ฟิลลิปประกันชีวิต" สู้ศึกประกันเดือด "รุกบริการด้านการลงทุนและความคุ้มครองภัยครบวงจร" อ้าแขนรับ "โบรกเกอร์อิสระ" ร่วมบุกตลาด


"ฟิลลิปประกันชีวิต" รุกบริการด้านการลงทุนและความคุ้มครองภัยครบวงจร พร้อมอ้าแขนรับ "โบรกเกอร์อิสระ" ร่วมบุกตลาด เผยไตรมาส2/62 พร้อมเสนอขาย "ยูนิต ลิงค์"

 

 



นายปรัชญา  กุลวณิชพิสิฐ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนสิงหาคม 2561 มีเบี้ยฯประกันภัยรับปีแรกจำนวน  294 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 36% เบี้ยฯประกันภัยรับปีต่อไป มีจำนวน 504 ล้านบาท คิดเป็นอัตราความคงอยู่ของเบี้ยฯ ประเภทสามัญ 89% ส่งผลให้ขณะนี้ บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 798 ล้านบาท สูงกว่าอัตราการเติบโตของปีที่ผ่านมา 20% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของทั้งธุรกิจฯ โดยเป้าหมายผลผลิตตลอดปี 2561 นี้ บริษัทฯกำหนดเบี้ยประกันภัยปีแรกจำนวน  666 ล้านบาท  เติบโต107% เบี้ยประกันภัยปีต่อไปจำนวน 834 ล้านบาท คิดเป็นอัตราความคงอยู่ของเบี้ยฯสามัญ 85%  และเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% นอกจากนั้นเบี้ยสามัญรายใหม่ต่อกรมธรรม์ (Case size) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2557 จำนวน 32,938 บาท เป็น 48,030 บาท ณ ปัจจุบัน โดยคาดว่า Case size  ณ สิ้นปี 2561 จะปรับเพิ่มขึ้น  70% จากที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ เบี้ยประกันภัยหลักของบริษัท  ส่วนใหญ่ 90% มาจากช่องทางตัวแทนประกันชีวิต และอีก 10% มาจากช่องทางประกันกลุ่มและออนไลน์ โดยมีตัวแทนในปัจจุบันอยู่ทั้งสิ้น 920 คน ตั้งเป้าสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 2,910 คน และปัจจุบันบริษัทมีอัตราเบี้ยประกันภัยเฉลี่ยต่อกรมธรรม์อยู่ที่  48,030 บาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลางและระดับบน ตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 70%

 ปัจจุบัน Car Ratio ของบริษัท อยู่ที่ระดับ 172% โดยมีทุนจดทะเบียน 4,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเพิ่มทุนมาอย่างต่อเนื่องจนมีทุนที่ชำระแล้ว 2,800 ล้านบาท และตั้งเป้าที่จะรักษาระดับไว้ไม่เกิน 155% อย่างไรก็ตาม หากต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด บริษัทมีแผนสองที่จะเพิ่มทุนทันที ทั้งนี้ปัจจัยที่จะเข้ามผลกระทบ คือ เรื่องอัตราดอกเบี้ยและความผันผวนของการลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันมีพอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 9,700-9,800 ล้านบาท ส่วนใหญ่กว่า 70% ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล

 
 
 
 
 
นายปรัชญากล่าวว่า สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของ ปี 2561บริษัทได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า  ได้แก่ แบบประกัน โปร เซฟวิ่ง 15/6 ประกันภัยแบบสะสมทรัพย์  เน้นการวางแผนความมั่นคงทางการเงิน ด้วยการชำระเบี้ยฯ เพียง 6 ปี คุ้มครองถึง 15 ปี  โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ  เมื่อครบสัญญาได้รับผลตอบแทนสูงสุดถึง 720% ของทุนประกันภัย  และแบบพรีเมี่ยม รีเทิร์น 25/15 ชนิดไม่มีเงินปันผล สำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนมรดกให้ลูกหลาน ซึ่งชำระเบี้ยฯ 15 ปี ให้ความคุ้มครอง 25 ปี เมื่อครบสัญญาจะได้รับผลตอบแทน 110 % ของเบี้ยประกันภัยที่ได้รับชำระมาแล้วทั้งหมด นอกจากนี้ ประมาณไตรมาส 2 ปี2562 บริษัทเตรียมจะนำ ยูนิต ลิงค์ มาเสนอขาย โดยปัจจุบันมีตัวแทนที่มีใบอนุญาตขายยูนิตลิงค์แล้ว 30 คน  

ปัจจุบันบริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ หริอ LBDU ที่สามารถนำเสนอขายหน่วยลงทุนและกองทุนรวม และได้ใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาศภัย โดยจัดตั้งบริษัท GI Broker ขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อม ในการให้บริการด้านการลงทุน และความคุ้มครองภัยได้ครบวงจร ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงเปิดกว้างในการหาพันธมิตรทั้งโบรกเกอร์ประกันชีวิตและประกันวินาศภัยอิสระมาร่วมงานด้วย 

“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฟิลลิปประกันชีวิตและบล.ฟิลลิป จะมีกลุ่มทุนเดียวกัน คือ ฟิลลิป แคปปิตอล แต่สำหรับการบริหารงานแล้วจะมีการดำเนินธุรกิจที่แยกกัน โดยไม่มีการถือหุ้นไขว้กันระหว่างบริษัทประกันชีวิตและบริษัทหลักทรัพย์แต่อย่างใด รวมถึงไม่มีการแชร์ข้อมูลของฐานลูกค้าร่วมกันด้วย เพื่อความโปร่งใส" นายปรัชญากล่าว

นอกจากนั้น จากผลความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจประกันชีวิต ในประเทศไทยที่ผ่านมาได้ทำให้บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในประเทศกัมพูชา ที่ดำเนินงานภายใต้กลุ่มฟิลลิปแคปปิตอล ประเทศสิงคโปร์ โดยได้รับอนุญาตการประกอบธุรกิจประกันชีวิตอย่างเป็นทางการ  เมื่อ 29 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ได้นำแนวทางการดำเนินธุรกิจจากประเทศไทยมาปรับใช้ ด้วยการบูรณาการทรัพยากรร่วมกัน จึงมีความมั่นใจในศักยภาพว่าการดำเนินธุรกิจประกันชีวิตในกัมพูชาจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับฟิลลิปประกันชีวิตในประเทศไทย    

 
 
 
 
นายปรัชญากล่าวถึงการจัดรูปแบบสถานที่ทำงานเพื่อให้การทำงานมีคุณภาพการผลิตผลงานที่ดีว่า จากผลสำรวจของ Manpower Group พบว่ ากลุ่มคนวัยทำงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่า 48% ตระหนักว่าการจัดรูปแบบสถานที่ทำงานให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์  มีผลต่อศักยภาพในการทำงานและคุณภาพของผลงานที่สูงขึ้น บริษัทจึงได้นำแนวคิด Workplace Strategy มาออกแบบสถานที่ทำงานในรูปแบบใหม่  ณ สาขาไอทีเอฟ สีลม บนพื้นที่ใช้สอย 1,600 ตารางเมตร ใจกลางย่านธุรกิจ โดยจัดสรรพื้นที่การทำงานแบบมีส่วนร่วม (Collaboration)ให้มีพื้นที่เปิดโล่ง (Open Space) เลือกใช้โต๊ะทำงานที่มีขนาดใหญ่สามารถใช้งานร่วมกันได้ และห้องประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเป็นส่วนตัวสร้างบรรยากาศกับการตกแต่งสไตล์ลอฟท์ เน้นโครงสร้างทางสถาปัตยกรรม ภายในเป็นหลัก เช่น คาน เสา และเหล็กโผล่ ให้ความรู้สึกเรียบง่าย เป็นกันเอง รวมถึงเทคโนโลยีอันทันสมัยในการอำนวยความสะดวกให้กับตัวแทน และผู้ถือกรมธรรม์ 

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายสาขา คือ สาขานนทบุรี  สาขาอุบลราชธานี  และสาขาหนองคาย เพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต โดยข้อมูล ณ ปัจจุบันมีตัวแทนทั้งสิ้น 2,910 คน ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา จึงทำให้บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาตัวแทนมืออาชีพ (Smart Career Agent) อย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาหลักสูตร เพื่อยกระดับสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor)  ให้เป็นนักวางแผนทางการเงิน และการลงทุนให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจร  ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ตัวแทน ผู้ถือกรมธรรม์ให้เข้าถึงการบริการได้ดียิ่งขึ้น และง่ายต่อการใช้งาน อาทิ แอปพลิเคชัน iFAME อำนวยความสะดวกแก่ตัวแทน และแอปพลิเคชัน PhillipLife สำหรับลูกค้าและบุคคลทั่วไป  
 

LastUpdate 03/10/2561 12:20:49 โดย : Admin
21-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 21, 2025, 2:25 pm