หุ้นทอง
บล.โกลเบล็ก ชี้ปัจจัยต่างประเทศกดดันหุ้นไทยผันผวน มองดัชนีแกว่งในกรอบ 1,680 - 1,740 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นส่งออก


บล.โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยผันผวนหลังแบงก์ชาติจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองธนาคารพาณิชย์ลง 1% สงครามการค้าโลก และ fund flow ไหลออก ขณะที่ปัจจัยบวกในประเทศภาครัฐคงขับเคลื่อนการเปิดประมูลโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ และเลือกตั้งชัดเจนขึ้น ให้กรอบดัชนี 1,680-1,740 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นส่งออกอานิสงส์บาทอ่อนค่า ส่วนราคาทองคำแนะเก็งกำไรswing trade ในกรอบ  1,180-1,210 ดอลลาร์ หลังสงครามการค้าส่อวุ่น สหรัฐบี้เก็บภาษีญีปุ่นต่อ  

สำหรับดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้ปัจจัยบวกจากต่างประเทศ โดยราคาน้ำมันในตลาดโลกล่าสุดปรับลงยังยืนใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ระดับ 76.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะเดียวกันปัจจัยบวกในประเทศ โดยภาครัฐยังคงเดินหน้าการเปิดประมูลโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มราวปลายปีนี้ และโครงการรถไฟฟ้ารางเบาในภูเก็ตต้นปีหน้า ซึ่งทั้งสองโครงการจะเปิดให้เอกชนร่วมทุนกับภาครัฐ (PPP)และการเลือกตั้งที่มีความชัดเจนขึ้นเป็นลำดับทำให้พรรคการเมืองมีความเคลื่อนไหวมากขึ้น

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าส่วนปัจจัยลบที่กดดันตลาดต่อเนื่องมีปัจจัยใหม่เข้ามาในสัปดาห์นี้ได้แก่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR : Reserve Requirement Ratio)ลง 1% มีผล 15 ต.ค. ทำให้ตลาดกังวลต่อความเสี่ยงของระบบธนาคารพาณิชย์จีน  
 
สำหรับปัญหาสงครามทางการค้ามีแนวโน้มยืดเยื้อและปะทุขึ้นอีกหลังสหรัฐรายงานผลขาดดุลการค้าสูงสุดในรอบ 6 เดือนในเดือนส.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 6.4% สู่ระดับ 5.32 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้คาดว่าจะเห็นความพยายามของสหรัฐในการกดดันประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะจีนเพื่อหวังลดขาดดุลการค้า 
นอกจากนี้ Fund Flow ยังคงไหลออกต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.20 แสนล้านบาท  ขณะเดียวกันปัจจัยลบในประเทศมาจากการที่แบงก์ชาติเตรียมออกมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เพื่อคุม NPL และสร้างเสถียรสภาพของเศรษฐกิจ
 
“ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อในรอบสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันที่ 10 ต.ค.สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)เดือนก.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค. วันที่ 11 ต.ค. สหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 12 ต.ค. จีน เปิดเผยยอดส่งออก นำเข้า ดุลการค้าเดือนก.ย. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)เดือนก.ย. ยอดปล่อยเงินกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.ย. อียู เปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ส่วนสหรัฐก็จะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.”
 
ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ผันผวนอยู่ในกรอบ 1,680-1,740 จุด หากดัชนี SET ปรับลงถือเป็นโอกาสในการเก็บหุ้นที่ฝ่ายวิจัยประเมินว่าจะมีแนวโน้มที่ดีในช่วงปลายปี โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น KCE, SVI, XO ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า รองลงมาหุ้นกลุ่มธนาคารได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นที่ความต้องการสินเชื่อเร่งตัวขึ้น แนะนำ BBL, KBANK, TTB และ KKP  รวมทั้งหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้ประโยชน์จากการเร่งประมูลเมกะโปรเจกต์ แนะนำ  CK
 
ส่วนแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ภาวะสงครามการค้าโลกยังคงดำเนินต่อไป โดยสหรัฐเร่งกดดันญี่ปุ่นมากขึ้น ขณะที่ข่าวจีนแฝงชิปไว้ในบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐได้ส่งผลกระทบทางลบมากขึ้นต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งการที่แบงก์ชาติจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองธนาคารพาณิชย์อีก 1% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ทั้งระบบ แต่การกระทำสวนทางนโยบายการเงินสหรัฐฯที่กำลังขึ้นดอกเบี้ย สะท้อนถึงความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีนที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์สามารถยืนทรงตัวได้และมีโอกาสจะแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อราคาทองคำในรูปดอลลาร์ แต่เงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า จึงส่งผลเล็กน้อยต่อราคาทองคำในประเทศ
 
ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในทองคำเป็นเล่นเก็งกำไรแบบ swing trade ในกรอบ  1,180-1,210 ดอลลาร์ โดยให้แนวรับ 1,190-1,180 ดอลลาร์ และแนวต้าน 1,210 ดอลลาร์และปรับมาเล่น breakout follow เมื่อราคาออกจากช่วงดังกล่าว
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ต.ค. 2561 เวลา : 11:39:21
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 1:40 am