ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจเช่าซื้อ และการปรับเกณฑ์คุมสินเชื่อทะเบียนรถของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ นั้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY ได้ประกาศขายหุ้นบริษัทเงินติดล้อ (NTL) สัดส่วน 50% จากที่ถืออยู่ 100% 

ด้านฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP ประเมินประเด็นดังกล่าวว่า เงินติดล้อ ซึ่งประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ, สินเชื่อรถบรรทุกมือสอง, สินเชื่อบุคคล, นาโนไฟแนนซ์, นายประกันวินาศภัย ดังนั้น การที่ แบงก์กรุงศรี จะขายหุ้นเงินติดล้อ  สัดส่วน 50% ให้แก่ Siam Asia Credit Access Ltd. ซึ่งถือหุ้นโดยกลุ่มนักลงทุน ได้แก่ กองทุน CVC Capital Partners Asia Fund IV เป็นกองทุนส่วนบุคคล และที่ปรึกษาด้านการลงทุนชั้นนำ มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 

และบริษัท Equity Partners Ltd. กองทุนส่วนบุคคลหรือ private equity ที่เน้นการลงทุนในภูมิภาคเอเซีย ก่อตั้งโดยแฮตตัน แคปปิตอล ของตระกูลปฐมวาณิชย์ หนึ่งในผู้จัดจำหน่ายรถบรรทุกชั้นนำ และเจ้าของธุรกิจเช่ารถบรรทุกใหญ่สุดในภูมิภาค ร่วมกับบริษัททู ดับเบิล้ ยู กรุ๊ปฯ หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของตระกูลเจียรวนนท์

จุดประสงค์ที่ แบงก์กรุงศรี ขายหุ้น เงินติดล้อ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนปรับโครงสร้างธุรกิจการเงินของกลุ่ม ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส มองว่า แม้ เงินติดล้อ ทำกำไรได้ดีต่อเนื่อง จากที่เคยตํ่าเพียง 246 ล้านบาท ในปี 2555 เป็น 1.25 พันล้านบาทในปี 2560 แต่เชื่อว่าเป็นนโยบายหลักของ MUFG ผู้ถือหุ้นญี่ปุ่น ที่ต้องการลดความซ้ำซ้อนของธุรกิจสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อทะเบียนรถที่เป็นธุรกิจหลัก ซึ่งมีลักษณะค่อนไปทางสินเชื่อบุคคล แต่มีหลักประกัน ซึ่งปัจจุบันสินเชื่อบุคคลเป็นธุรกิจหลักของอยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซสฯ ภายใต้แบรนด์ First Choice ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับล่างอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงศรี ยังมีบริษัทบัตรกรุงศรีฯ ที่ให้บริการสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลด้วย สะท้อนได้จากส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อบุคคลของ BAY ที่สูงสุดในอุตสาหกรรมถึง 30% ในครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า เงื่อนไขการขายหุ้น NTL ระบุว่า การขายจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเงื่อนไขต่างๆ ที่ตกลงกันต้องดำเนินการก่อน (completion of conditions precedent) ซึ่งหนึ่งในนั้น น่าจะรวมถึงคดีความที่สร้างความกังวลในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เบื้องต้น แบงก์กรุงศรี ยังคงต้องถือหุ้น เงินติดล้อ ไว้ครึ่งหนึ่งก่อน เชื่อว่าหากเคลียร์ประเด็นเหล่านี้ได้ แบงก์กรุงศรี อาจขายหุ้น เงินติดล้อ ทั้ง 100% ในอนาคต 

ในเบื้องต้นนี้ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2562 ของ แบงก์กรุงศรี ไว้เท่าเดิม อย่างไรก็ตาม ภายใต้สมมติฐานการขายเงินลงทุนใน เงินติดล้อ ที่ระดับ PBV 1-4 เท่า พบว่าจะหนุนคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2562 ของ แบงก์กรุงศรี เพิ่มขึ้น 8.7%-27.2% จากที่คาดในปัจจุบัน และทำให้มูลค่าพื้นฐานปี 2562 ของ แบงก์กรุงศรี เพิ่มเป็น 44.37-45.12 บาท

จึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม switch ปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2562 ที่ 44.40 บาท มีโอกาสจะเห็น upside เพิ่มขึ้น จากประเด็นการขาย เงินติดล้อ