ราคาหุ้น "โอสถสภา" เปิดตลาดซื้อขายวันแรกวันนี้พุ่งแตะ 30 บาท หรือเพิ่มขึ้นจากราคาไอพีโอ 5 บาท หรือ 20% ตั้งเป้ารุกขยายธุรกิจเต็มที่ทั้งในและต่างประเทศ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในหลายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์และของใช้ส่วนบุคคลในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับบรรยากาศการซื้อขายหุ้นวันแรก ของ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทยและในหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน ปรากฏว่า หลังเปิดตลาดหุ้นเปิดทำการซื้อขาย ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปซื้อขายที่ระดับราคา 30 บาท ขณะที่ราคาจองซื้ออยู่ที่ 25 บาท โดยเพิ่มขึ้น 5 บาท หรือเพิ่มขึ้น 20%
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เสนอขายหุ้นไอพีโอมีมูลค่ารวม 15,094 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ โอสถสภา มีมูลค่าตามราคาตลาด (market capitalization)ประมาณ 75,094 ล้านบาท ณ ราคาที่เสนอขาย ซึ่งจะส่งผลให้ OSP เป็นหุ้นที่ใหญ่ที่สุดที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2561 ณ วันที่ OSP เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันแรก
นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกในวันที่ 17 ตุลาคม 2561 โดยใช้ชื่อย่อ ‘OSP’ ในการซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีความเชื่อมั่นหุ้น OSP จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มั่นใจในพื้นฐานและศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในประเทศและในภูมิภาคอาเซียน
“จากความแข็งแกร่งของแบรนด์สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสามารถเข้าถึงทุกกลุ่มผู้บริโภคและเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง เข้ามาช่วยสนับสนุนขีดความสามารถการแข่งขันในการทำตลาด รวมถึงการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ที่ช่วยผลักดันผลการดำเนินงานและความสามารถในการทำกำไรที่ดีในอนาคต"
นางวรรณิภา ยังคาดว่า บริษัทจะสามารถเปิดโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ที่ประเทศเมียนมาร์ได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2562 เพื่อผลิตสินค้าออกสู่ตลาด รองรับการเติบโตของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต จากปัจจุบันที่ OSP มีสัดส่วนมูลค่าค้าปลีกเครื่องดื่มบำรุงกำลังเป็นอันดับหนึ่งสำหรับปี 2560
นอกจากนี้ บริษัทจะเร่งปรับปรุงการผลิต การจัดจำหน่ายและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของฐานการผลิตในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับแผนงานขยายธุรกิจไปในภูมิภาคนี้เพิ่มเติม
“เรามีความพร้อมในการรุกใหญ่ขยายธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคนี้เพิ่มเติม เนื่องจากขีดความสามารถการแข่งขันในการทำตลาด ตลอดจนแบรนด์สินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกออฮล์และของใช้ส่วนบุคคลที่มีความแข็งแกร่ง และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตที่ดีและรักษาตำแหน่งเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคนี้ไว้ได้” นางวรรณิภา กล่าว
ข่าวเด่น