ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เปิดเผยว่า การดำเนินงานดีป้าปี2561 เป็นที่น่าพอใจ โดยพันธกิจหลักของดีป้า ได้แก่ การส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรม และนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงพัฒนาและส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเป็นไปตามแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล พ.ศ. 2561-2564 ที่รัฐบาลวางกรอบไว้
คาดว่าผลจากการดำเนินงานตามภารกิจทั้งหมด สามารถสร้างการรับรู้และการตระหนักถึงความสำคัญด้านการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมและดิจิทัลให้กับอุตสาหกรรมและธุรกิจด้านดิจิทัลอย่างกว้างขวางทั้งในระดับประเทศ และระดับภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าผลของกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ส่งเสริมและสนับสนุนไป จะก่อให้เกิดการขยายตัวในด้านการลงทุนในด้านดิจิทัลให้กับอุตสาหกรรมและธุรกิจด้านดิจิทัลอย่างกว้างขวาง หรือคิดเป็นมูลค่ารวมได้กว่า 1,096.62 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในมิติด้านการยกระดับเศรษฐกิจสู่การเป็นดิจิทัล อาทิ การปรับเปลี่ยนให้ธุรกิจด้านเอสเอ็มอี โดยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ผ่านมาตรการคูปองดิจิทัลเพื่อการประยุกต์ใช้ดิจิทัล, การส่งเสริมสิทธิประโยชน์ด้านภาษีร้อยละ 200 สำหรับผู้ประกอบการที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้รับการการส่งเสริมการรับรองมาตรฐาน และขึ้นทะเบียนไปแล้วกว่า 2,000 ราย เพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านดิจิทัลโดยรวม, การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลผ่านการมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิทัลสำหรับภาครัฐและเอกชน
เสริมสร้างศักยภาพบุคลากรของประเทศ ด้วยการปฏิรูปการศึกษาใหม่ของประเทศผ่านสังคมดิจิทัลใน platform Coding Thailand โดยหลังจากเปิดตัวถึงปัจจุบันมีจำนวนเยาวชนที่เข้ามาเรียนรู้ผ่าน platform Coding Thailand แล้วกว่า 1 แสนราย และมีการใช้ระบบThaicode.or.thไปยังสถานศึกษาระดับประถมศึกษาถึงระดับอุดมศึกษากว่า 50 สถาบันทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าเข้าถึงเยาวชนกว่า 6 ล้านรายในปี 2562 และขยายสู่ 10 ล้านรายภายใน 3 ปี และการสร้างเครือข่ายภาคสภาบันการศึกษา/มหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ ในการพัฒนากำลังคนดิจิทัลที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลและรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมด้วย 14 หลักสูตร (Certificate) ร่วมกับ 10 สถาบันการศึกษา 9 หน่วยงานภาครัฐ
การพัฒนาโครงการศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลแห่งใหม่ของอาเซียน (ดิจิทัล พาร์ค ไทยแลนด์) สำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจและอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยการเตรียมความพร้อมในการจัดตั้ง IoT Institute เพื่อผลักดันการพัฒนา Digital Innovation ไปสู่การลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่ง IoT, การดำเนินงานด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ท ซิตี้)เพื่อขยายฐานการให้บริการสนับสนุนและส่งเสริมด้านดิจิทัลไปยังพื้นที่ภูมิภาคสำคัญ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดขอนแก่น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดร.ณัฐพล กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2562 นั้น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งสานต่อแผนงานตามกลยุทธ์หลักระยะ 4 ปี (พ.ศ.2561-2564) อย่างต่อเนื่อง โดยจะใช้เครื่องมือหลักผ่านมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิทัลสำหรับภาครัฐและเอกชน หรือ depa Funds เพื่อเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลโดยรวมของประเทศทั้ง 8 มาตรการ และมาตรการคูปองดิจิทัลเพื่อการประยุกต์ใช้ดิจิทัล (depa mini-Transformation Voucher) ที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้แผนการดำเนินงานของสำนักงานฯ จะเน้นการพัฒนากำลังคนและบุคลากรของประเทศ วางเป้าหมายสู่การมีการรับรู้และความรู้ด้านดิจิทัล (Digital Literacy) ผ่านระบบที่สร้างขึ้น (Digital Platform) ถึงประชาชนและกลุ่มเป้าหมาย 400,000 ราย โดยให้เยาวชนมีโอกาสศึกษาและเรียนรู้ด้านดิจิทัล (Coding) มากกว่า 100,000 คน รวมถึงการสร้างบุคลากรที่มีความสามารถด้านดิจิทัลที่ผ่านการรับรองไม่น้อยกว่า 50,000 คน พร้อมทั้งผลิตแรงงานคุณภาพเพิ่มขึ้นในด้านดิจิทัลเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจเพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 หลังผ่านการ upskill และต้องการสร้างผู้บริหารระดับสูง Digital CEO เพื่อเป็นผู้นำในด้านดิจิทัลในการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น