นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าได้พบกับนางไฮดี้ กัลแลนท์ (Heidi Gallant) ผู้อำนวยการบริหารหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM) และคณะ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือถึงนโยบายของไทยและกระทรวงพาณิชย์ที่จะส่งเสริมการค้าการลงทุนและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนของสหรัฐอเมริกาในไทย
นางสาวชุติมา กล่าวให้ความมั่นใจกับ AMCHAM ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และเรื่อง E-commerce เพื่อยกระดับผู้ประกอบการในการทำการค้ายุคใหม่ ซึ่งไทยเห็นว่า AMCHAM จะสามารถช่วยส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ และ SME ไทย โดยร่วมมือกับสถาบันผู้ประกอบการยุคใหม่ (New Economy Academy: NEA) ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมุ่งเน้นพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมาพัฒนาธุรกิจได้ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการค้าการลงทุนของต่างชาติ โดยที่ผ่านมามีการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดยสามารถลดเวลาการเริ่มธุรกิจจาก 21 วัน เหลือ 4.5 วัน ส่งผลให้ไทยมีอันดับ Ease of Doing Business 2561 ดีขึ้นจากลำดับที่ 46 เป็น 26 ปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์ยังผลักดันการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการจดทะเบียนธุรกิจ (e-registration) ด้วย ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดเวลาการเริ่มธุรกิจเหลือเพียง 2 วัน ในปี 2562 นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ทบทวนบัญชี 3 ท้าย พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เป็นระยะ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการขออนุญาตและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติ
สำหรับความคืบหน้าการจัดทำ FTA นางสาวชุติมา ได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในภูมิภาค (RCEP) ซึ่งไทยจะพยายามผลักดันให้สรุปผลได้โดยเร็ว ส่วนความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ไทยได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วม ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างพิจารณาผลดีผลเสีย ทั้งนี้ นโยบายการจัดทำ FTA จะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ รวมถึงบริษัทสหรัฐฯ ที่จะสามารถใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA ซึ่งไทยมีความได้เปรียบเนื่องจากเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
นางไฮดี้ ยินดีที่ทราบว่าไทยได้พยายามดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติ และจะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวให้สมาชิกรับทราบในโอกาสต่อไปด้วย พร้อมทั้งเห็นว่าผลจากการหารือครั้งนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต
ปัจจุบันมูลค่าการการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ พบว่ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ไทยและสหรัฐฯ มีมูลค่าการค้ารวม 41,400.82 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 13.30 โดยไทยส่งออกไปสหรัฐฯ 26,536.64 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.31 จากปีก่อนหน้า สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ สำหรับการนำเข้าไทยนำเข้าจากสหรัฐฯ 14,864.18 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.45 จากปีก่อนหน้า สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ น้ำมันดิบ อุปกรณ์ยานยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
ข่าวเด่น