นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมามีมติอนุญาตให้คนต่างด้าว 32 ราย ประกอบธุรกิจในไทย โดยส่วนใหญ่มาจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และบริติชเวอร์จิน ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 1,691 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิด การจ้างงานคนไทย 1,107 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ประกอบด้วย ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม จำนวน 5 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 755 ล้านบาท คือ บริการให้กู้ยืมเงิน และบริการรับค้ำประกันหนี้ โดยเป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และบริติช เวอร์จิน ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า 10 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 141 ล้านบาท ได้แก่ บริการส่งผ่านข้อมูลข้อความ รูปภาพ หรือเสียงทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริการออกแบบแม่พิมพ์โลหะสำหรับใช้ในกระบวนการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเยอรมนี
ส่วนธุรกิจบริการเป็นคู่สัญญาภาครัฐ จำนวน 4 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 12 ล้านบาท คือ การค้าปลีกอะไหล่อุปกรณ์สำหรับซ่อมอุปกรณ์สื่อสารข้อมูล โดยเป็นคนต่างด้าวจากประเทศบริติชเวอร์จิน ธุรกิจบริการเป็นคู่สัญญาช่วงกับภาครัฐ จำนวน 2 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 92 ล้านบาท คือ บริการออกแบบทางวิศวกรรม ประกอบ ติดตั้ง ทดสอบ บำรุงรักษาและซ่อมแซม เครื่องจักรสำหรับการจัดการขยะ โดยมาจากประเทศลักเซมเบิร์ก และจีน
นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบริการเป็นคู่สัญญาภาคเอกชน จำนวน 5 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 591 ล้านบาท ได้แก่ บริการออกแบบทางด้านวิศวกรรม จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้งและทดสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ จากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอินเดียสำหรับธุรกิจนายหน้า/ค้าปลีก จำนวน 6 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 100 ล้านบาท ได้แก่ นายหน้าประกันวินาศภัย การค้าปลีกระบบทำความร้อนโดยใช้ไอน้ำแบบสุญญากาศ การค้าปลีกแม่พิมพ์ การค้าปลีกอุปกรณ์รับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ EDC โดยส่วนใหญ่มาจากประเทศสิงคโปร์ เกาหลี และอิตาลี
ทั้งนี้ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 13 ราย คิดเป็นสัดส่วน 68% เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 1,457 ล้านบาท คิดเป็น 623 %
ส่วนเดือนม.ค. – ต.ค.ที่ผ่านมา คนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต จำนวน 229 ราย มีเงินลงทุน 10,471 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่า จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลง 19 ราย คิดเป็น 8 % ขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 3,794 ล้านบาท คิดเป็น 57% เนื่องจากในปีนี้มีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ บริการออกแบบทางวิศวกรรมและติดตั้งเหล็กโครงสร้างรูปพรรณและผลิตภัณฑ์คอนกรีต บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นต้น
ข่าวเด่น