ก.ล.ต. สั่งดำเนินคดีทางแพ่ง 2 ผู้กระทำความผิด “สมบูรณ์ ยิ่งยงกิจมงคล” เหตุใช้อินไซด์เดอร์ ขายหุ้น “ศรีราชาคอนสตรัคชั่น” โดยใช้บัญชีซื้อขายหุ้นของบุคคลอื่น หรือบัญชีของ “นายศรัณยู ยิ่งยงกิจมงคล” ขณะที่ “ศรัณยู” ยินยอมให้ใช้บัญชีพร้อมเรียกค่าปรับทางแพ่ง-ชดใช้ค่าใช้จ่ายจากการตรวจสอบการกระทำความผิดรวม 972,698 บาท และห้ามบุคคลทั้งสองเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ละตลาดหักทรัพย์ หรือก.ล.ต. ระบุว่า เนื่องจาก ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2560 นายสมบูรณ์ ยิ่งยงกิจมงคล ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ ของบริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA โดยได้รู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับปัญหาค่าใช้จ่ายของโครงการก่อสร้างหลักโครงการหนึ่ง ที่สูงขึ้นกว่าที่ได้ประมาณการไว้อย่างมีนัยสำคัญ และจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของ SRICHA ในไตรมาส 2 ปี 2560 มีผลขาดทุนจำนวนมาก
ดังนั้น นายสมบูรณ์ จึงได้สั่งขายหุ้น SRICHA ที่อยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายศรัณยู ยิ่งยงกิจมงคล ซึ่งเป็นบุตรนายสมบูรณ์ ในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2560 จำนวน 225,700 หุ้น และได้รับเงินค่าขายหุ้นจากนายศรัณยู ทำให้ได้ประโยชน์จากการขายหุ้นก่อนผลการดำเนินงานจะเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันที่ 15 สิงหาคม 2560 SRICHA โดยมีผลขาดทุนจำนวน 92.32 ล้านบาท
ก.ล.ต. ยังระบุด้วยว่า การกระทำของนายสมบูรณ์เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตามมาตรา 242 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 รวมทั้งใช้บัญชีหลักทรัพย์ของบุคคลอื่นในการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 297 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ
สำหรับการกระทำของนายศรัณยูที่ยินยอมให้นายสมบูรณ์ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเพื่อขายหุ้น SRICHA เข้าข่ายเป็นการยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในประการที่บุคคลนั้นอาจนำบัญชีไปใช้ในการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมีโทษตามมาตรา 297 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ
ดังนั้น คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายสมบูรณ์และนายศรัณยู โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. รวมเป็นเงิน 878,874 บาท และ 93,824 บาท ตามลำดับ และกำหนดระยะเวลาห้ามนายสมบูรณ์และนายศรัณยูเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 1 ปี และ 6 เดือน ตามลำดับ
ทั้งนี้ การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง
หากผู้กระทำผิดทั้ง 2 รายไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลาสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดแก่ ก.ล.ต.
ข่าวเด่น