“ผู้ถือหน่วย” ทรัสต์ AIMIRT ไฟเขียวให้ลงทุนเพิ่มเติมทรัพย์สินใหม่ 4 โครงการ รวมมูลค่าไม่เกิน 4,300 ล้าน หนุนขนาดทรัพย์สินเติบโตขึ้น ช่วยสร้างสมดุลของรายได้จากทรัพย์สินที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย ทั้งห้องเย็น คลังสินค้า และถังเก็บสารเคมีเหลว จากผู้เช่าที่เป็นบริษัทชั้นนำในไทยและบริษัทระดับโลก มั่นใจหนุนผลการดำเนินงานกองทรัสต์เติบโตอย่างยั่งยืน
นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระรายแรกในประเทศไทย ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือ ‘AIMIRT’ เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ ครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีมติให้ทรัสต์ AIMIRT เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 1 รวม 4 โครงการ รวมมูลค่าไม่เกิน 4,300 ล้านบาท ได้แก่ 1.ห้องเย็นในโครงการเจดับเบิ้ลยูดี แปซิฟิก (ส่วนขยายเพิ่มเติม) ของกลุ่มบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) 2. คลังสินค้าโครงการ TIP 8 ของบริษัท ทิพย์โฮลดิ้ง จำกัด
3. ถังเก็บสารเคมีเหลวและคลังสินค้าโครงการ SCC ของบริษัท สยามเฆมี จำกัด (มหาชน) และ 4. คลังสินค้าโครงการสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ของบริษัท สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จำกัด เพื่อขยายโอกาสการเติบโตของรายได้ของทรัสต์ AIMIRT และเป็นการสร้างสมดุลของพอร์ตทรัพย์สินให้มีความหลากหลายและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า การลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายการดำเนินงานของทรัสต์ AIMIRT ที่ต้องการเพิ่มขนาดทรัพย์สินที่มีศักยภาพให้เติบโตเป็น 2-3 เท่าตัว ภายในเวลา 2-3 ปีนับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเดือนมกราคมปีนี้ โดยภายหลังการลงทุนเพิ่มเติม ทรัสต์ AIMIRT จะมีขนาดทรัพย์สินรวมประมาณ 6,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินครั้งแรกที่ 2,140 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 3 เท่าตัว
สำหรับทรัพย์สินทั้งหมดล้วนมีจุดเด่นและมีมาตรฐานการก่อสร้างระดับเวิลด์คลาส ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำในไทยและต่างประเทศเข้ามาใช้บริการเช่าพื้นที่ อาทิ กลุ่มบริษัทไทยออยล์ เอสโซ่ โตชิบา เป็นต้น นอกจากนี้พอร์ตทรัพย์สินของทรัสต์ AIMIRT ยังกระจายตัวมากขึ้น ช่วยสร้างเสถียรภาพจากกลุ่มลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม อีกทั้งที่ตั้งของทรัพย์สินยังอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่มีความต้องการเช่าอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นางสาวญาณิชศา ชาติวุฒิกอบกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เอไอเอ็ม รีท
แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวด้วยว่า การลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของรายได้ให้กับทรัสต์ AIMIRT อย่างมีเสถียรภาพ มีการกระจายความเสี่ยงของการจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
ทรัพย์สินทุกโครงการล้วนมีศักยภาพและมีฐานลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำ โดยภายหลังการลงทุนเพิ่มเติม คาดว่าอัตราผลตอบแทนจะอยู่ที่ 0.8188 บาทต่อหน่วย (อัตราผลตอบแทนตามประมาณการงบกำไรขาดทุนของกองทรัสต์ตามสมมติฐานสำหรับรอบระยะเวลา 12 เดือน (1 ก.ค. 2562 ถึง 30 มิ.ย. 2563)) โดยบริษัทอยู่ในระหว่างการเตรียมการเพื่อยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ต่อไป
ส่วนผลการดำเนินงานของทรัสต์ AIMIRT นับตั้งแต่จัดตั้งกองทรัสต์ถือว่ามีความแข็งแกร่ง โดยล่าสุด AIMIRT ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่อัตรา 0.1902 บาทต่อหน่วย ซึ่งเมื่อรวมกับอีก 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ทรัสต์ AIMIRT อนุมัติจ่ายเงินปันผลไปแล้วรวมทั้งสิ้น 0.5689 บาทต่อหน่วยนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปีนี้
ข่าวเด่น