นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่เครือข่ายสาขาและบริการดิจิทัล ธนาคารยูโอบี (ไทย)เปิดเผยว่าธนาคารได้เปิดตัวสาขาใหม่สวนกระแสดิจิทัล พร้อมปรับกลยุทธ์ฉีกกฎสาขารูปแบบเดิม เจาะกลุ่มลูกค้าสามไลฟ์สไตล์ ทั้งกลุ่มครอบครัวและกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน/สตาร์ทอัพ ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี และมีรายได้มากกว่า 15,000ต่อเดือน และกลุ่มเจ้าของกิจการหรือกลุ่มผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง ซึ่งมีรายได้มากกว่า100,000 บาทต่อเดือน เพราะแม้กระแสดิจิทัลทำให้ธนาคารส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ ทำให้ธุรกรรมผ่านสาขามีปริมาณลดลง 27 เปอร์เซ็นต์ (ค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ )
.jpg)
แต่ผลวิจัยที่ทางธนาคารยูโอบี (ไทย) ร่วมกับ Boston Consulting Group จัดทำผลสำรวจพฤติกรรมการใช้บริการสาขา ในกลุ่มลูกค้าของยูโอบี ระบุว่า 99 เปอร์เซ็นต์ ของลูกค้าทั้งกลุ่มครอบครัวและกลุ่มเจ้าของกิจการมีการมาใช้บริการที่สาขาอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
โดยปัจจุบันธนาคารมีสาขาทั่วประเทศ 154 สาขา และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 158 สาขาในช่วงสิ้นปี 2562 ซึ่งสาขารูปแบบใหม่จะเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มคือ กลุ่มครอบครัว กลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงานหรือสตาร์ทอัพ และกลุ่มที่เป็นเจ้าของกิจการหรือกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง ซึ่งธนาคารจะให้บริการในเรื่องการในที่ปรึกษาทางการเงินทั้งในส่วนของการออมเงินและการลงทุนเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้แก่ลูกค้า รวมไปถึงการให้บริการในเรื่องสินเชื่อ โดยธนาคารจะมีเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้านและมีไลน์เซ่นในการเข้ามาดูแลลูกค้า
สำหรับภาพรวมสินเชื่อของธนาคารในปี 2561 คาดว่า จะเห็นการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5% ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกสินเชื่อขยายตัวที่ระดับ 3.6% ขณะที่ภาพรวมธุรกิจของธนาคารในปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 27% ส่วนทิศทางธุรกิจในปีหน้า บื้องต้นมั่นใจว่าในทุกกลุ่มธุรกิจจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยสินเชื่อน่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3-4 เท่า ของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ที่คาดว่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3%
นายเจมส์ ยังกล่าวถึงกลยุทธ์ด้านการบริหารพื้นที่สาขาธนาคารว่า ในอดีตจะมีรูปแบบการใช้พื้นที่แบ่งเป็น70 เปอร์เซ็นต์สำหรับส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์เบิกถอนโอนจ่าย 30 เปอร์เซ็นต์เป็นพื้นที่สำหรับให้คำปรึกษาด้านการเงิน แต่ด้วยกลยุทธ์สาขาแบบใหม่นี้ เราทำการสลับสัดส่วนการใช้พื้นที่เป็น 70 เปอร์เซ็นต์พื้นที่สำหรับให้คำปรึกษาด้านการเงิน และอีก 30 เปอร์เซ็นต์เป็นเคาน์เตอร์ฝากถอนโอนจ่าย เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีความแตกต่างกัน และยกระดับประสบการณ์ระหว่างการมาธนาคารของลูกค้าให้ดีขึ้น
สำหรับสาขาต้นแบบสำหรับกลุ่มครอบครัวธนาคารยูโอบี(ไทย) เลือกโลเคชั่นที่เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านจัดสรร และคอนโดขึ้นใหม่กว่า 130 แห่ง นับว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของครอบครัวรุ่นใหม่ ภายในสาขาตกแต่งด้วยบรรยากาศอบอุ่นเสมือนอยู่บ้านพร้อมตกแต่งด้วยKids' Corner ที่คอยดูแล คนในครอบครัวระหว่างที่ใช้บริการอีกด้วย
สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน/สตาร์ทอัพ ธนาคารยูโอบียังมีสาขาที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ สุขุมวิท101กับคอมมิวนิตี้แห่งใหม่ 101The Third Place โดยจัดสรรพื้นที่ในการต่อยอดไอเดียให้สามารถพูดคุยสังสรรค์หรือเป็นห้องประชุมขนาดเล็กสำหรับการระดมความคิดได้อย่างอิสระและที่นี่ยังมียูโอบีบิสซิเนส เซ็นเตอร์ ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจเพื่อต่อยอดความฝันในการเป็นเจ้าของกิจการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ หรือต้องการเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจโดยการนำดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ในธุรกิจ ธนาคารยังจะมีโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพThe FinLab "Smart Business Transformation" Program ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการจับคู่สตาร์ทอัพเข้ากับกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีความต้องการต่อยอดธุรกิจด้วยเทคโนโลยีแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีในตลาดปัจจุบันที่ยูโอบีบิสซิเนส เซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในทรูดิจิทัลพาร์ค @ 101 The Third Place
.jpg)
สำหรับลูกค้ากลุ่มเจ้าของกิจการหรือผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงธนาคารยูโอบี (ไทย) เลือกไอคอนสยามเป็นสาขาFlagship สำหรับยูโอบีพริวิเลจแบงก์กิ้งภายในสาขาจะเพิ่มพื้นที่รับรองลูกค้าตกแต่งแบบโมเดิร์นลักซ์ชูรี่พร้อมด้วยผลงานศิลปะจากศิลปินแห่งชาติพร้อมยังมีเจ้าหน้าที่มีผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ทำงานร่วมกับInvestment Consulting ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั้งในตลาดเงินและตลาดทุนเพื่อวางแผนและปรับเปลี่ยนกลยุทธการลงทุนให้เหมาะกับสถานการณ์โดยใช้ปรัชญาสำคัญของUOB ที่เรียกว่าUOB Smart Risk Concept การลงทุนอย่างชาญฉลาดเริ่มจากการเข้าใจความเสี่ยง
ข่าวเด่น