หุ้นทอง
บล.โกลเบล็ก ขานรับภาครัฐปลดล็อคทางการเมือง หนุนกรอบดัชนี 1,630 - 1,675 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่


บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยตอบรับปัจจัยในประเทศภาครัฐปลดล็อคทางการเมือง ให้สามารถดำเนินกิจกรรมหาเสียงเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า  พร้อมเดินหน้าเร่งเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ ให้กรอบดัชนี 1,630–1,675 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ  ส่วนราคาทองคำแนะปรับมาเล่น swing long หากราคาอยู่เหนือ 1,240 ดอลลาร์/ออนซ์ และเล่น trading ในกรอบระหว่าง 1,210–1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ หากราคาลงมาอยู่ใต้ 1,240 ดอลลาร์/ออนซ์


       
 
 
 
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า  ดัชนีหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากในประเทศ โดยพรรคการเมืองสามารถจัดกิจกรรมทางการเมืองอย่างเสรีในการประชุมสมาชิกพรรคและลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อหาเสียงได้แล้วหลังคสช.ประกาศใช้ม.44 ยกเลิกคำสั่ง-ประกาศเพื่อปลดล็อกให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง  และการที่รัฐบาลเดินหน้าเร่งเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่  คาดว่าจะเห็นคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) เร่งผลักดันโครงการ PPP Fast Track วงเงิน 4 แสนล้านบาทช่วงต้นปี 2562 สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-วงแหวนกาญจนาภิเษก มูลค่า 1.28 แสนล้านบาท และโครงการระบบขนส่งมวลชน จ.ภูเก็ต มูลค่า 3.94 หมื่นล้านบาท รวมทั้งโครงการระบบขนส่งมวลชน จ.เชียงใหม่ และนครราชสีมา

ส่วนปัจจัยด้านลบที่ยังคงกดดันการลงทุนอยู่ในช่วงนี้ ยังคงเป็นประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนก่อนครบกำหนดปรับขึ้นภาษีที่เลื่อนออกไป 90 วันยังมีความไม่แน่นอนและยากลำบากมากขึ้นหลังสหรัฐฯรายงานตัวเลขขาดดุลการค้าในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบสิบปีที่ระดับ 5.55 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 5.50 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมทั้งการจับกุมผู้บริหารของบริษัท หัวเว่ย

นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐระหว่าง 18 – 19 ธ.ค.จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 4 ของปี ประกอบกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษเลื่อนการลงมติในรัฐสภาอังกฤษต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ออกไปโดยไม่มีกำหนด และ Fund Flow ไหลออก จากการที่นักลงทุนต่างชาติทยอยปิดสถานะก่อนวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ตั้งแต่ต้นปีต่างชาติมีสถานะขายสุทธิรวม 2.8 แสนล้านบาท

 
 

 
 
 
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันที่ 12 ธ.ค. จีน  เปิดเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนพ.ย. อียู  เปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. สหรัฐฯ  เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่13 ธ.ค. เยอรมนี  เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย สหรัฐฯ  เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนพ.ย.

รวมถึง ในวันที่ 14 ธ.ค. จีน  เปิดเผยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนพ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และยอดการปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนพ.ย. อียู  เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค. สหรัฐฯ  เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ-ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.   และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. วันที่ 17 ธ.ค.  อียู  เปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. และสหรัฐฯ  เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.

ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ  1,630–1,675 จุด โดยแนะนำเก็งกำไรในหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ ได้แก่หุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ ยางรถ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น GYT, HFT, IRC, NDR, SE-ED, COL และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลุ้นมาตรการช็อปในช่วงตรุษจีน เช่น CPALL, MAKRO และ  BJC

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 ธ.ค. 2561 เวลา : 13:02:56
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 9:21 am