บมจ. สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ ผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้าง พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 19 ธ.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาIP0 1,688 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “STI”
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า mai ยินดีต้อนรับ บมจ. สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “STI” ในวันที่ 19 ธันวาคม 2561
STI ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นธุรกิจการบริหารโครงการก่อสร้างทุกประเภท เช่น โครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โดยมีผลงานในช่วงที่ผ่านมา อาทิ ห้างสรรพสินค้าดิเอ็มควอเทียร์ ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินัล 21 (โคราช) อาคารสำนักงาน Pearl Bangkok โครงการปรับปรุงอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ศูนย์การค้า Bluport Resort Mall หัวหิน เป็นต้น นอกจากนี้ STI ยังมีบริษัทย่อย คือ บริษัท สโตนเฮ้นจ์ จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมของโครงการก่อสร้าง งานตกแต่งภายใน และงานอนุรักษ์โบราณสถาน ถือเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจดังกล่าว มีผลงานที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป อาทิอาคารร้อยปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร วังกรมพระนเรศรวรฤทธิ์ (วังมะลิวัลย์) สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินวังบูรพา (รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน) เป็นต้น
STI มีทุนชำระแล้ว 134 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 200ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 68 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO)โดยแบ่งเป็นเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 51 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 10.20 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานไม่เกิน 6.80 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 6-7, 11 ธันวาคม 2561 ในราคาหุ้นละ 6.30 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 428 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,688 ล้านบาท มีบริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) เปิดเผยว่าบริษัทให้ความสำคัญด้านควบคุมคุณภาพและมาตรฐานงานบริการเพื่อบริหารและควบคุมงานก่อสร้างของโครงการให้สำเร็จตามเป้าหมายตามที่เจ้าของโครงการกำหนดไว้ ทั้งด้านระยะเวลา ต้นทุน และคุณภาพ มีการนำระบบสารสนเทศ และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมงานก่อสร้างมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นอกจากนั้น บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร โดยจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมพนักงานและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของตนเองเพื่อสนับสนุนธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนา อบรมทักษะความรู้สำหรับพนักงาน ลงทุนอุปกรณ์ระบบคอมพิวเตอร์ โปรแกรมด้านการออกแบบควบคุมงาน และการเงิน-การบัญชี ลงทุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
STI มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด ถือหุ้น26.12% กลุ่มตระกูลศิลวัฒนาวงศ์ ถือหุ้น 15.07% และกลุ่มตระกูลเปี่ยมเปรมสุข ถือหุ้น 11.19% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 6.30 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 29.76 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา(1 ตุลาคม 2560-30 กันยายน 2561) ซึ่งเท่ากับ 56.73 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.21 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิภายหลังจากหักภาษี และทุนสำรองตามกฎหมาย
รายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.sti.co.th และ www.set.or.th
ข่าวเด่น