“สนธิรัตน์”หารือเลขาธิการอาเซียนสร้างความเชื่อมั่น ไทยพร้อมเป็นประธานอาเซียนปี 2562 ขับเคลื่อนอาเซียนให้ก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคทางการค้าและรับมือความท้าทายต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผ่านแนวคิด“ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน”
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561ได้หารือกับ ดาโต๊ะ ปาดูกา ลิม จ็อก ฮอย เลขาธิการอาเซียนในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของไทย โดยไทยได้ยืนยันความพร้อมในการเป็นประธานอาเซียนปี 2562 และแสดงบทบาทนำในการขับเคลื่อนอาเซียนให้ก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคทางการค้าและรับมือความท้าทายต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผ่านแนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน”
นายสนธิรัตน์ เสริมว่า ในการหารือครั้งนี้ไทยแสดงความพร้อมการเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า โดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในระดับต่างๆ ถึง 9 การประชุมและแจ้งว่าไทยได้นำเสนอประเด็นด้านเศรษฐกิจที่จะให้สมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศร่วมกันขับเคลื่อนให้บรรลุผลสำเร็จในปี 2562 ภายใต้แนวคิด“ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน หรือ Advancing Partnership for Sustainability”
ซึ่งจะประกอบด้วยประเด็นสำคัญ 3 ด้าน คือ (1) ก้าวไปข้างหน้าสู่อนาคต (Future Orientation) (2) ส่งเสริมความเชื่อมโยง (Enhanced Connectivity) และ (3) สร้างความยั่งยืนในทุกมิติ (Sustainable in all dimensions) รวม 12 ประเด็น อาทิ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรับมือการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 การส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็ก กลาง ย่อม ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล การเชื่อมโยงระบบการแจ้งข้อมูลใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวหรือ ASEAN Single Window ให้ครบทั้ง 10 ประเทศ และการสรุปผลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรือ RCEP ให้ได้ในปี 2562 เป็นต้น ซึ่งสำนักเลขาธิการอาเซียนจะเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนการทำงานไทยในฐานะประธานอาเซียนปี 2562 และร่วมขับเคลื่อนการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนให้มีความก้าวหน้าเกิดประโยชน์ต่อประเทศสมาชิกอาเซียนโดยรวม
นายสนธิรัตน์ ให้ข้อมูลว่า เลขาธิการอาเซียนได้กล่าวชื่นชมที่ไทยในฐานะประธานอาเซียนให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล และการเตรียมความพร้อมของอาเซียนสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยเฉพาะการเตรียมจัดสัมมนาครั้งใหญ่ของอาเซียนเรื่องการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 (Special Session on the Forth Industrial Revolution หรือ 4IR) ในวันที่ 14 มกราคม 2562 ณ กรุงเทพฯ จะช่วยสร้างความตระหนักแก่สมาชิกอาเซียนและเอกชนไทยเรื่องของ 4IR และเตรียมความพร้อมรองรับและใช้ประโยชน์จาก 4IR ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างของการพัฒนา
นอกจากนี้ยังเห็นพ้องกันว่าสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป การรวมตัวทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นของอาเซียนจะช่วยให้สมาชิกอาเซียนฟันผ่าอุปสรรคในด้านต่างๆไปได้ ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือให้เกิดผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการส่งเสริมการลงทุนในภูมิภาค
นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าทั้งสองฝ่ายยังหารือเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) โดยเห็นพ้องกันว่าไทยในฐานะประธานอาเซียนต้องผลักดันอย่างเต็มกำลังเพื่อให้อาเซียนและคู่เจรจา 6 ประเทศสามารถสรุปการเจรจาได้ในปี 2562ตามที่ผู้นำของRCEPประกาศไว้
ข่าวเด่น