กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจับตาการประชุม CPTPP ระดับรัฐมนตรีครั้งแรกที่ญี่ปุ่น หลังความตกลงมีผลใช้บังคับ โดยคาดว่าจะมีการหยิบยกกลไกการรับสมาชิกใหม่ขึ้นหารือระหว่างประเทศสมาชิก ก่อนนำผลการศึกษาและความเห็นจากทุกภาคส่วนในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก CPTPP ของไทย เสนอต่อระดับนโยบายเพื่อประกอบการตัดสินใจ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าขณะนี้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศอยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership หรือ CPTPP) ซึ่งล่าสุดทราบว่ามีสมาชิก 7 ใน 11 ประเทศ CPTPP ได้แก่ เม็กซิโก ญี่ปุ่น สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ แคนาดา ออสเตรเลีย และเวียดนามให้สัตยาบันแล้ว และจะส่งผลให้ความตกลง CPTPP มีผลใช้บังคับในวันที่ 30 ธันวาคม 2561 โดยสมาชิก CPTPP มีกำหนดจัดประชุมระดับรัฐมนตรี CPTPP ครั้งแรกหลังจากที่ความตกลงฯมีผลใช้บังคับในกลางเดือนมกราคม 2562 ที่ญี่ปุ่น และคาดว่าจะมีวาระการพิจารณาเรื่องกลไกการรับสมาชิกใหม่ ซึ่งรายละเอียดที่จะออกมาจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาเรื่องการเข้าร่วม CPTPP ของไทย
นางอรมน กล่าวว่าในระหว่างนี้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้จัดสัมมนา เรื่อง“ประโยชน์ ผลกระทบ และความพร้อมของไทยในการเข้าร่วม CPTPP”ร่วมกับบริษัท โบลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี(ประเทศไทย)ซึ่งได้รับมอบหมาย จากกรมฯให้ทำการศึกษาเรื่องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลง CPTPPของไทย ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาจะต้องนำข้อมูลที่ได้จากการแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้เข้าร่วมประชุม ไปรวบรวมประกอบการจัดทำผลการศึกษา เสนอกรมฯ โดยมีกำหนดส่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ขณะเดียวกันกรมฯจะรวบรวมผลการศึกษาของบริษัทฯความเห็นที่ได้จากการลงพื้นที่และจากการประชุมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งกลไกการรับสมาชิกใหม่ของ CPTPP เสนอระดับนโยบายเพื่อประกอบการตัดสินใจเรื่องการเข้าเป็นสมาชิก CPTPP ของไทยต่อไป ในเบื้องต้นคาดว่าอาจจะเป็นช่วงไตรมาส 2 ของปี 2562 หลังการเลือกตั้งไปแล้ว
นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่าบริษัทโบลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) ได้นำเสนอเบื้องต้นว่าการเข้าร่วม CPTPP จะทำให้สินค้าไทยสามารถส่งออกไปยังสมาชิก CPTPP ได้มากขึ้น โดยการส่งออกไปญี่ปุ่น สินค้าไทยจะได้ประโยชน์ เช่น น้ำมันพืช อาหารปรุงแต่ง น้ำผึ้ง ถั่วแดง ไฟเบอร์บอร์ด การส่งออกไปแคนาดา สินค้าไทยที่ได้ประโยชน์ เช่น ไก่ปรุงแต่ง เครื่องปรุงรส อาหารปรุงแต่ง ยางรถยนต์ ล้อและส่วนประกอบ ตู้เย็น เลนส์แว่นตา การส่งออกไปเม็กซิโก สินค้าไทยที่ได้ประโยชน์ เช่น ยางรถยนต์ เครื่องสูบเชื้อเพลิง สารหล่อลื่น ยานยนต์และส่วนประกอบ การส่งออกไปชิลี สินค้าไทยที่ได้ประโยชน์ เช่น ข้าว ยางรถยนต์ ถุงมือ รถจักรยานยนต์ การส่งออกไปเปรู สินค้าไทยที่ได้ประโยชน์ เช่น สับปะรด ถุงมือ เครื่องรับวิทยุ มอนิเตอร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ได้มีข้อเสนอแนะให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยด้วยการสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่ม มีการลดต้นทุนการผลิตที่ไม่จำเป็น โดยเสนอให้หน่วยงานภาครัฐส่งเสริมการสร้างตราสินค้า สนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น รวมทั้งให้การช่วยเหลือด้านการตั้งกองทุนที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการที่ลงทุนในด้านวิจัยและพัฒนา เป็นต้น
ทั้งนี้CPTPPเป็นความตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุมกว้างทั้งเรื่องการเปิดตลาดการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายการแข่งขัน การเคลื่อนย้ายนักธุรกิจชั่วคราว การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ แรงงาน และสิ่งแวดล้อม มีสมาชิก 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู เม็กซิโก ญี่ปุ่น บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม และประชากรอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านคน หรือร้อยละ 6.7 ของประชากรโลก โดยไทยค้ากับสมาชิก CPTPP 11 ประเทศ เป็นมูลค่ารวม 134.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 30 ของการค้าไทยกับโลก
ข่าวเด่น