หลักทรัพย์จดทะเบียนในSETและmaiรวม 534 แห่ง รายงานมูลค่าเงินปันผลในปี 2561 มูลค่ารวม 519,546 ล้านบาท โดยมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 3.31%
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2561มีหลักทรัพย์จดทะเบียนจ่ายเงินปันผลรวม 534 บริษัท มูลค่ารวม 519,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.78% จากปีก่อน
โดยมูลค่าเงินปันผลมาจากบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในกลุ่มทรัพยากรคิดเป็น 28% ของทั้งหมด ทั้งนี้หลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งหมดมีอัตราเงินปันผลตอบแทน(Dividend Yield)เฉลี่ย 3.31% โดยบจ.ของSETและmaiมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 3.13% และ 2.66% ตามลำดับ ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(Property fund & REITs)และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน(Infrastructure fund)มีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 6.44%และ7.72%ตามลำดับ(ไม่รวมเงินคืนทุน)(ข้อมูล ณ 12 ธ.ค. 2561)
“ในปี2561หลักทรัพย์จดทะเบียนของไทยรายงานมูลค่าเงินจ่ายปันผลกว่า 5 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากผลประกอบการปรับดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยมีอัตราผลตอบแทนที่จูงใจโดยเฉพาะในกลุ่มหลักทรัพย์ประเภทกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งจากการลงทุนในหลักทรัพย์โดยตรงและการลงทุนผ่านกองทุนรวม”นายแมนพงศ์กล่าว
สำหรับบจ.ในSETที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก คือบมจ.ปตท.(PTT) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC) บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) และบมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)มีมูลค่ารวมกัน 139,616 ล้านบาท หรือ 29% ของมูลค่าเงินปันผลทั้งหมดในSET ทั้งนี้ในจำนวนบจ.maiที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 10 อันดับแรก บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART)จ่ายเงินปันผลสูงสุด ขณะที่บมจ.เชอร์วู้ด คอร์ปอเรชั่น(ประเทศไทย)(SWC)มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุด
ข่าวเด่น