ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เชื่อเลื่อนเลือกตั้งยันไม่กระทบเศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่นนักลงทุน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2561ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนธ.ค.61 อยู่ที่ 79.4 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และลดลงจากเดือนพ.ย.61 อยู่ที่ 80.5 จากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงสูงจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ และ Brexit ซึ่งน่าจะส่งผลให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/62
อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการเริ่มปรับตัวดีขึ้นและสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐเริ่มมีการเจรจากัน ประกอบกับ รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านการยกเว้นค่าธรรมเนียม VISA on Arrival และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้น่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอาจปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอันใกล้หากปัจจัยเสี่ยงต่างๆคลี่คลายลงในช่วงไตรมาสแรก
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนธันวาคม 61 อยู่ที่ 66.3 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากเดือนก่อนที่อยู่ 67.5 เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่ยังมีการฟื้นตัวไม่ชัดเจน
ดร.ธนวรรธน์ กล่าวด้วยว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยยังคงประมาณการจีดีพีปีนี้ไว้ที่ 4-4.2% แต่หากสถานการณ์สงครามการค้าเลวร้ายกว่าที่คาดอาจเห็นจีดีพีไทยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.8% ซึ่งในทางกลับกันหากสถานการณ์สงครามการค้าคลี่คลาย หรือทรงตัวมีโอกาสที่จะเห็นจีดีพีไทยเติบโตได้ 4.3-4.5% ในขณะที่ส่งออกไทยปีนี้ยังคงประมาณการเดิมที่ 4-5% และค่าเงินบาทที่ 32.00-32.50 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรณีที่มีการเลื่อนเลือกตั้งออกไป เชื่อว่าไม่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมและความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากยังอยู่ในกรอบเวลาที่คาดไว้ 150 วัน โดยอาจเกิดขึ้นในเดือนมี.ค. หรือ เม.ย.นี้ ซึ่งการเลื่อนเลือกตั้งมีเหตุผลที่ชัดเจนก็ทำให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปได้
ข่าวเด่น