สำหรับบรยากาศการลงทุนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าดัชนีหุ้นไทยสามารถประคองตัวดีดกลับได้ต่อเนื่อง โดยมีการขยับขึ้นทำ New high เล็กน้อย อีกทั้งยังไม่หลุดลงไปทำ New low อีกด้วย
แม้ว่าจะเป็นการแกว่งตัวแคบๆตลอดทั้งวันและวอลุ่มยังน้อยก็ตามแต่ในกราฟรายสัปดาห์ดัชนีสามารถประคองตัวปิดแถวๆเส้นค่าเฉลี่ย 5 สัปดาห์ที่ 1582 จุดได้แล้ว ซึ่งมีแนวรับแข็งๆบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ที่ 1557 จุด
หากสัปดาห์นี้ดัชนีอ่อนตัวไม่หลุดปิดต่ำกว่าเส้นดังกล่าวอีก ดัชนีน่าจะมีลุ้นดีดกลับแถวๆเส้นค่าเฉลี่ย 10 สัปดาห์แถวๆ 1602 จุดได้อีกครั้ง สำหรับแนวรับสั้นๆอยู่ที่ 1577 จุด แนวต้านสั้นๆที่ 1597 จุด
ส่วนการลงทุนในหุ้นรายตัวนั้น ETE มีแนวรับ 1.09-1.05 บาท ส่วนแนวต้าน 1.16 , 1.18-1.19 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นทำ New high ในรอบสัปดาห์ หลังจากไม่หลุดลงไปต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน อีกทั้งยังเป็นการดีดกลับขึ้นมาจากสัญญาณ Golden cross และปิดได้ในระดับสูงของวัน ท่ามกลางวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมากและ MACD กำลังดีดกลับผ่านระดับศูนย์ได้ หากวันนี้(21) ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 1.09 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุด 1.05 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทำ New high แถวๆ 1.16 บาทและ 1.18-1.19 บาทต่อไป
ขณะที่ MINT มีแนวรับ 36.25-36.00 บาท ส่วนแนวต้าน 36.75 , 38.00 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นทำ New high ในรอบสัปดาห์ หลังจากไม่หลุดลงไปต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน อีกทั้งยังเป็นการดีดกลับขึ้นมาจากสัญญาณ Golden cross และระดับราคาขยับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบเดือนครึ่ง ท่ามกลางวอลุ่มซื้อขายที่สูงต่อเนื่อง หากวันนี้(21) ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 36.25-36.00 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 36.75 บาทก่อนผ่านขึ้นทดสอบจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 38.00 บาทต่อไป
สำหรับ ITEL แนวรับ 3.36 , 3.30 บาท โดยมีแนวต้าน 3.40-3.44 บาท โดยระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดได้ในระดับสูงของวันและขยับขึ้นไปทำ New high เล็กน้อยในรอบสัปดาห์ พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ประกอบกับเกิดสัญญาณ Golden cross และ MACD กำลังดีดกลับผ่านระดับศูนย์ได้ หากวันนี้
(21) ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่า 3.36 บาทซะก่อน หรือเต็มที่ไม่หลุด 3.30 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทำ New high แถวๆ 3.40 บาทและเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 3.44 บาทต่อไป
ขณะที่บรรยากาศการลงทุนในทองคำ ซึ่งสรุปภาวะตลาดทองคำสัปดาห์ที่ผ่านเมื่อถึงเมื่อเวลา 12.40 น วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562 ราคาทองคำล่าสุดอยู่ที่ 1,290.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่บริเวณ 1,287.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เท่ากับเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นเล็กน้อยราว 3.48 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งตลอดทั้งสัปดาห์ตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆ จนราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบลง
ทั้งนี้ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ระหว่าง 1,286.80-1,295.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำโลกปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบกว่า 6 เดือนในสองสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1,298.35 ดอลลาร์ต่ออนซ์ ได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่ามากต่อเนื่อง จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงมาติดต่อกันหลายวัน และตลาดกังวลกับประเด็นที่หน่วยงานราชการของสหรัฐบางส่วน ต้องหยุดการทำงานชั่วคราวเนื่องจากขาดงบประมาณ (U.S.Government Shutdown) ทำให้ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้านจิตวิทยาบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ตลาดหุ้นสหรัฐตลอดสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้นต่อจากปลายสัปดาห์ก่อน ทำให้ราคาทองคำยังไม่สามารถขึ้นทะลุเหนือทำจุดสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง
ตลาดทองคำมีความผันผวนน้อยลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม เนื่องจากราคาทองคำขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระทบ แม้กระทั่งกองทุนทองคำอย่าง SPDR ก็ยังมีสถานะถือทองคำสุทธิเท่าเดิมตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ 797.71 ตัน
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นประมาณ 0.18 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 31.710 บาทต่อดอลลาร์ จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 31.890 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์อยู่ที่ 31.560-31.975 บาทต่อดอลลาร์
ดังนั้นคำแนะนำสำหรับนักลงทุนระยะสั้นจากที่แนะนำให้สะสมซื้อเก็งกำไรมา ราคาย่อตัวครั้งล่าสุดมีการยกจุดต่ำสุดขึ้น ทำให้ยังควรถือทองคำต่อไป สำหรับคนที่ยังไม่ได้ขาย หากราคาหลุดต่ำกว่า 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ให้ขายทำกำไรออกไปก่อน แล้วรอซื้อกลับบริเวณ 1,260-1,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือใช้จุดสูงสุดที่สร้างขึ้นใหม่ในระยะหลังทำ Trailing Stop เมื่อมีส่วนต่างเกิน 15 ดอลลาร์ ให้ขายออกไปก่อนเช่นกัน
สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ได้สะสมทองคำตามคำแนะนำเมื่อราคาต่ำกว่า 1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์มา ก็ยังแนะนำให้ถือทองคำต่อไปซึ่งราคาขึ้นมาถึงเป้าของปี 2561 แล้วที่บริเวณ 1,290-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายืนบริเวณนี้ได้ เป้าหมายถัดไปที่ 1,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น