หุ้นทอง
"AECS " ลุ้นกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน ส่งผลบวกต่อการลงทุน


บล.เออีซีชี้รอลุ้นกำหนดวันเลือกตั้ง เชื่อหากระบุวันที่ชัดเจน จะส่งผลบวกต่อภาพรวมของการลงทุนและ GDPของประเทศ ด้านฝ่ายวิจัยคัดหุ้นเด่น SAWAD - MTC - AMANAH -AMATA-EASTW - GULF – BGRIM-BPP และ GUNKULน่าจับตา เหตุเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นต่อเนื่องในปี62

                

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด(มหาชน)หรือAECSแนะติดตามความชัดเจนในการกำหนดวันเลือกตั้ง ทั้งนี้มองว่าหากทุกอย่างชัดเจนจะส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในปี2562 มีแนวโน้มขยายตัวได้ราว 4.0-4.2% โดยอ้างอิงภายใต้หากมีการเลือกตั้งระดับประเทศและท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินสะพัดในช่วงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นกว่า 30,000 ล้านบาท ผลักดันให้GDPเพิ่มขึ้นจากเดิมได้อีก 0.3% โดยคาดว่าSET Indexจะกลับมาสามารถยืนในแดนบวกและเคลื่อนไหวแบบ Sideway up โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติ
 
ดังนั้นเรายังคงแนะนำหุ้นในกลุ่มน่าลงทุน ได้แก่หุ้น SAWAD, MTC และAMANAH  เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลบวกจากกฎระเบียบ หลังจากธปท.เตรียมประชุมชี้แจงเกณฑ์การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อ ที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกันในวันที่25 ม.ค.นี้ โดยจากข้อมูลสรุปเบื้องต้นของธปท.ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่ 1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ดังนั้นจึงมองว่าหุ้นดังกล่าวจะได้อานิสงค์

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยยังแนะนำลงทุนใน หุ้นกลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค ซึ่งได้อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่น อาทิ AMATA, EASTW และ GULF  หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ลักษณะธุรกิจที่มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งยัง เลือกหุ้นโรงไฟฟ้าที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า โดยแนะนำ BGRIM, BPP และ GUNKUL  ขณะที่หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62โตเด่นบวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT และ HARNส่วนภาพรวมของ ตลาดต่างประเทศนั้น ทางฝ่ายวิจัยมองว่ายังคงเคลื่อนไหวแบบ Sideway up แม้จะมีแรงหนุนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความคืบหน้า โดยแหล่งข่าวจากบลูมเบิร์ก รายงานว่า จีนจะมีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น โดยจะทำให้สหรัฐฯขาดดุลการค้าลดลงเหลือศูนย์ในปี 2024บวกกับในวันที่ 30-31 ม.ค.จะมีการเจรจาการค้าอีกครั้ง ระหว่างรองนายกรัฐมนตรีของจีนนายหลิวฮีและสหรัฐฯทำให้เป็นปัจจัยเชิงบวกต่อตลาดหุ้น

ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบอยู่ในเชิงบวกอย่างต่อเนื่องจากผลของสถานการณ์สงครามทางการระหว่างสหรัฐฯ-จีน มีความคืบหน้าบวกกับกลุ่ม OPEC ปรับลดกำลังการผลิตในเดือน ธ.ค. ลงสะท้อนถึงการร่วมมือกันในกลุ่มตามข้อตกลงร่วมกันปรับลดกำลังการผลิตแต่ยังมีความเสี่ยงจาก ภาวะปิดหน่วยสหรัฐฯที่ยังคงยืดเยื้อยาวนาน (29 วัน) หลังมีความขัดแย้งในประเด็นงบกำแพงกั้นเขตเม็กซิโกมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ทรัมป์ จะยื่นข้อเสนอขยายการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ (Dreamer) แต่ก็ถูกปฏิเสธโดยพรรคเดโมแครต ทำให้เราคาดว่าวุฒิสภาจะไม่เห็นด้วยเช่นกันเนื่องจากพรรคเดโมแครตคุมเสียงข้างมาก

อีกทั้งยังเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน4Q/18 นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีผลการดำเนินงานทั้งดีกว่าตลาดคาดและแย่กว่าตลาดคาด  ซึ่งจะมีการประกาศตัวเลขGDPของจีนซึ่งตลาดคาดโต 6.4%YoY ลดลงจาก 6.7%YoY ในปีก่อนโดยตลาดคาดว่าเศรษฐกิจจะกดดันSentiment ตลาดหุ้นในระยะสั้น 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ม.ค. 2562 เวลา : 10:13:39
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 2:49 pm