“เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป”เตรียมเสนอขายไอพีโอ 75ล้านหุ้น หลังก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง ชูจุดเด่นธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสที่มีทั้งร้านอาหาร-ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หวังระดมทุนขยายสาขาร้านอาหาร ปรับปรุงสาขาเดิม เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ตั้งเป้าดันยอดขายเพิ่มขึ้นผ่านการรุกขยายสาขาทั้งในประเทศ-ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่าหลังจากที่บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน(IPO)ล่าสุดสำนักงานก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งแล้ว
ปัจจุบันบมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ปมีทุนจดทะเบียน 300ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 225 ล้านบาทและจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ 75 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน25%ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท
ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ อาทิ ขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท ได้แก่การขยายและปรับปรุงสาขาร้านอาหาร ชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ทั้งนี้หากสำนักงานก.ล.ต.อนุมัติให้เสนอขายหุ้นIPOและแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับ จะกำหนดวันที่เสนอขายหุ้น IPO และคาดว่าจะนำบมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ในไตรมาส1ปีนี้
นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) หรือ ZEN กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯมีจุดเด่นด้านการเป็นผู้ให้บริการร้านอาหาร(Food Services)อย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ได้มีเพียงธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจแฟรนไชส์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการดำเนินธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการและเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายได้อย่างครอบคลุมในทุกระดับ เช่น ธุรกิจบริการจัดส่งอาหาร (Delivery Business)และธุรกิจอาหารค้าปลีก (Retail Business) เป็นต้น
โดยในช่วง 2ปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้ลงทุนเตรียมความพร้อมด้านระบบบริหารจัดการภายในองค์กร ทั้งการเพิ่มบุคลากรลงทุนด้านระบบสารสนเทศ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่องจึงส่งผลกระทบกับค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมในการขยายธุรกิจ โดยสามารถใช้ฐานฝ่ายงานสนับสนุนที่มีการลงทุนเตรียมความพร้อมไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อรองรับการเติบโตได้อย่างเต็มที่
นายบุญยง กล่าวต่อว่าบริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น(Holding Company)ที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ โดยปัจจุบันสามารถแบ่งธุรกิจหลักเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจแฟรนไชส์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจบริการจัดส่งอาหาร (Delivery) และบริการจัดเลี้ยง (Catering) ธุรกิจให้บริการบริหารร้านอาหาร (Restaurant Management)และบริการที่ปรึกษาเกี่ยวกับร้านอาหาร (Restaurant Consultancy) และธุรกิจอาหารค้าปลีก (Retail Business) เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุง (Ready-to-Cook) และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน (Ready-to-Eat) ซึ่งเป็นการนำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากการจำหน่ายในร้านอาหารมาต่อยอดเพื่อวางจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคทั่วไป
ปัจจุบันกลุ่มบริษัท มีร้านอาหารภายใต้การดำเนินงานรวม 12 แบรนด์ แบ่งเป็น กลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น 6 แบรนด์ ได้แก่ ZEN ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม (Authentic Japanese Food) Musha by ZEN ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวใหม่ Sushi Cyu Carnival Yakiniku ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบพรีเมี่ยม AKA ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น (Yakiniku) Testu ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นแบบพรีเมี่ยม และ On the Table Tokyo Café ร้านอาหารประเภทไลฟ์สไตล์
ส่วนกลุ่มร้านอาหารไทย 6 แบรนด์ ได้แก่ ตำมั่ว ร้านอาหารไทย-อีสาน ลาวญวน ร้านอาหารไทย-อีสานและเวียดนาม แจ่วฮ้อน ร้านอาหารประเภทสุกี้ลาวหรือจิ้มจุ่ม เฝอ ร้านก๋วยเตี๋ยวสไตล์เวียดนาม de Tummour ร้านอาหารไทย-อีสานแบบพรีเมี่ยมและเขียง(Khiang by tummour) ร้านอาหารไทยตามสั่ง หรือ Street Food แบรนด์ใหม่ที่นำเสนออาหารไทยจานเดียวยอดนิยมเพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วไป เช่น ข้าวผัดกระเพราหมูสับ ฯลฯ
ล่าสุดร้านเขียงได้เปิดสาขาแรกในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาเจษฎาบดินทร์ จังหวัดนนทบุรี ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทฯมีร้านอาหารภายใต้แบรนด์ของตนทั้งในไทยและต่างประเทศรวม 255 สาขา แบ่งเป็นกลุ่มแบรนด์ร้านอาหารไทย 167 สาขา และกลุ่มแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น 88 สาขา ซึ่งในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นร้านอาหารที่กลุ่มบริษัทฯ เป็นเจ้าของ 110 สาขา และให้สิทธิแฟรนไชส์ 145 สาขา
“บริษัทตั้งเป้าเป็นผู้นำของประเทศในธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสและกำหนดวิสัยทัศน์องค์กรก้าวเป็นผู้นำธุรกิจอาหารที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยในปี 2562วางแผนงานขยายร้านอาหารของกลุ่มบริษัทฯ36 สาขา และขยายสาขาแฟรนไชส์ 87 สาขา และในปี 2563 วางแผนงานขยายร้านอาหารของกลุ่มบริษัทฯ 50 สาขา และขยายสาขาแฟรนไชส์ 175 สาขา” นายบุญยง กล่าว
ด้านนางยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจการเงินและบัญชี บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) หรือ ZEN กล่าวว่าภาพรวมผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 (มกราคม-กันยายน 2561) มีรายได้รวม 2,226.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,826.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 108.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 49.2 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจแฟรนไชส์
ข่าวเด่น