บลจ.ทิสโก้เสิร์ฟกองทุน“โกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์ อิควิตี้”ผนวก 2เมกะเทรนด์โลก-สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี
บลจ.ทิสโก้เสิร์ฟกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์ อิควิตี้ ผนวก 2 เมกะเทรนด์หลักของโลก “ดิจิตอล-เฮลท์แคร์” สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน พร้อมนำค่าธรรมเนียมการขายบริจาคให้กองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯ หวังช่วยผู้ป่วยเข้าถึงการแพทย์มากขึ้น เสนอขาย IPO 14-28 ก.พ.นี้
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) กล่าวว่า การลงทุนในธุรกิจที่เป็น “เมกะเทรนด์” มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างมากสำหรับนักลงทุนในระยะยาว โดยกลุ่มธุรกิจ“เทคโนโลยี”และ“เฮลธ์แคร์” จัดเป็นเมกะเทรนด์ใหม่ของโลกในขณะนี้ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง หากพิจารณาโอกาสการเติบโตในกลุ่มเฮลธ์แคร์ซึ่งได้รับประโยชน์โดยตรงจากการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นทั่วโลก ขณะที่ธุรกิจเทคโนโลยีได้เข้าไปแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของมนุษย์และอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งอุตสาหกรรมการแพทย์ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยสร้าง “นวัตกรรม” ในการป้องกันการเจ็บป่วยและรักษาสุขภาพให้กับคนทุกเพศทุกวัย
ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากธุรกิจเมกะเทรนด์ทั้งสองกลุ่มดังกล่าวได้พร้อมกัน บลจ.ทิสโก้จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์ อิควิตี้ (TGHDIGI) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) กองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในต่างประเทศผ่านกองทุน CS (Lux) Global Digital Health Equity ชนิดหน่วยลงทุน IB USD (กองทุนหลัก) เน้นลงทุนในบริษัทที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการแพทย์ (Digital Health) ทั่วโลก เสนอขายวันแรก (IPO) 14-28 ก.พ. 2562 นี้ อย่างไรก็ตามกองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมจึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
“นักลงทุนที่เห็นโอกาสก่อนใครมักจะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนก่อนเสมอ หนึ่งในโอกาสนั้นคือ กองทุนเปิด TGHDIGI กองทุนที่ผนวกธีมเมกะเทรนด์ในด้านเฮลธ์แคร์และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน กองทุนหลักจะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กประมาณ 40-60 ตัว มีจุดเด่นตรงที่บริษัทขนาดกลางและเล็กมักจะมีการเติบโตของรายได้ในอัตราที่สูง กองทุนหลักจะใช้วิธีเลือกหุ้นโดยดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ และบริษัทนั้นต้องมีรายได้จากการใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจมากกว่า 50% ของรายได้รวม”นายสาห์รัชกล่าว
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน 4 อันดับแรกได้แก่ บริษัท Teladoc ผู้พัฒนาแพลทฟอร์มให้คนไข้สามารถพบแพทย์ผ่านระบบออนไลน์และรับใบสั่งยาจากแพทย์เพื่อนำไปซื้อยาต่อได้ทันที บริษัท Bio Telemetry ผู้ผลิตอุปกรณ์แปะติดกับร่างกายเพื่อเก็บข้อมูลตรวจวัดหัวใจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา บริษัท Medidata Solution บริษัทรับทำงานวิจัยให้กับบริษัทยาชั้นนำ และ บริษัท Dexcom ผู้ผลิตอุปกรณ์วัดน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน รายงานผลแบบ Realtime บนหน้าจอมือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
นายสาห์รัช กล่าวอีกว่าสำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนนี้ นอกจากจะได้รับโอกาสที่ดีในการลงทุนแล้ว ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาคเงินให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯ สำหรับเป็นทุนในการรักษาผู้ป่วยและกิจกรรมอื่นๆในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ด้วยหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ โดยทุกๆ การซื้อกองทุน TGHDIGI มูลค่ารวม 1 แสนบาท ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 2562 ถึงวันที่ 31 ต.ค. 2562 บลจ.ทิสโก้จะบริจาคค่าธรรมเนียมการขายกองทุน 100 บาทให้กับกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯ
ข่าวเด่น