“ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้” โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/61 เติบโตโดดเด่น หลังรับรู้รายได้จากการส่งมอบสินค้าแบรนด์ PLAYBOY ส่วนภาพรวมการดำเนินงานปี 2561 ทำรายได้รวม 1,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล 0.20 บาทต่อหุ้น ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มขีดความสามารถทำกำไรที่ดีขึ้น
นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทยเปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 4/61 (ตุลาคม-ธันวาคม 2561) มีผลกำไรเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิ 53.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 743% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.3 ล้านบาท และมีรายได้รวม 402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 360.3 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ PLAYBOY ให้แก่ตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ หลังจากเข้าซื้อสิทธิ์การขายและทำการตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2561 มีรายได้รวม 1,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,293.9 ล้านบาท ปัจจัยมาจากการรับรู้รายได้จากแบรนด์ PLAYBOY และรายได้จากธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ที่เติบโตจากปีก่อน อย่างไรก็ตามเนื่องจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าทำสัญญาซื้อสิทธิการขายและทำการตลาดถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นแบรนด์ PLAYBOY ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 108.9 ล้านบาท ชะลอตัวจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 121.2 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 60 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55% ของกำไรสุทธิในปี 2561 เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 8 เดือน มีนาคม นี้ และจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 เดือน พฤษภาคม 2562
ส่วนแผนการดำเนินงานใน 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถการทำกำไรที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยมาจาก (1) แผนงานเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าเดิมและขยายตลาดใหม่ ๆ ให้แก่แบรนด์ PLAYBOY (2) ราคาวัตถุดิบ ได้แก่ ราคาซิลิโคนที่ปรับลดลงในปัจจุบัน ส่วนราคายางพาราที่เป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักอยู่ในภาวะทรงตัว (3) การบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามกรณีที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจพิจารณาปรับขึ้นสินค้าในตลาดต่างประเทศเพื่อลดผลกระทบจากค่าเงินบาทผันผวน
และ (4) ตั้งเป้าให้บริษัท บ๊อก เอเชีย กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ TNR เข้าซื้อกิจการเมื่อปีที่ผ่านมาเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตแพ็กเกจจิ้งถุงยางอนามัย พลิกกลับมามีกำไรในครึ่งปีหลังของปีนี้
“จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ เราตั้งเป้าว่าจะผลักดันรายได้และขีดความสามารถการทำกำไรที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยมั่นใจว่าหากค่าเงินบาทไม่ผันผวนมากเหมือนเช่นปีก่อน และบริษัทฯ สามารถผลักดันยอดขายจากการส่งออกและตลาดในประเทศได้ตามแผนงาน จะส่งผลให้เราสามารถสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมาย” นายอมร กล่าว
ข่าวเด่น