หุ้นทอง
"บิวตี้ คอมมูนิตี้" จับมือพันธมิตร ตั้งเป้าปีนี้ บุก"ตลาดจีน"หลังรายได้ลดลงกว่า 6%


“บิวตี้ คอมมูนิตี้” ปรับกลยุทธ์ปี 62 รุกหนักตลาดต่างประเทศ จับมือพันธมิตรจีน Carrot Mall ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ บุก Mainland China พร้อมแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอินเดียเรียบร้อยแล้ว ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 20% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 25% เผยผลประกอบการปี 2561 กวาดรายได้ 3,501.2 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนกว่า 6% กำไรสุทธิ 991.6 ล้าน จ่ายปันผล 0.138 บาท/หุ้น รวมปันผลทั้งปี 0.30 บาท/หุ้น 

 

 

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว ภายใต้แนวคิด Live a Beautiful Life เปิดเผยว่า ปี 2562 บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ พัฒนากิจกรรมตลาด ขยายช่องทางการจำหน่ายในตลาดต่างประเทศและสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค อีกทั้งมีแผนพัฒนาระบบ E-Commerce ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อขยายตลาดในกลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยวางเป้าหมายให้แบรนด์ BEAUTY เป็นหนึ่งในผู้นำ International Beauty & Health Business ของภูมิภาคเอเชีย และมีรายได้เติบโตมากกว่า 20% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 25%

นายแพทย์สุวินคาดว่า ปีนี้สัดส่วนการขายในตลาดต่างประเทศจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญาแต่งตั้ง Carrot Mall ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางค้าปลีกออฟไลน์และออนไลน์รายใหญ่และเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทนำสินค้าเข้าจำหน่ายผ่านช่องทาง Cross Border E-commerce ในแพลตฟอร์ม TMALL เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Scentio Milk Plus Whitening Q10 Facial Foam ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีนและมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางตลาดหลัก (General Trade)

ประกอบด้วยช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ในตลาดทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน(Mainland China)แต่เพียงผู้เดียวเรียบร้อยแล้ว ส่วนช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบ Cross Border E-commerce (CBEC) มีสินค้าวางจำหน่ายแล้วใน 8 แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของจีน และมีแผนเพิ่มทั้งจำนวนแพลตฟอร์มและจำนวน SKUs สินค้าเข้าจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทได้ดำเนินการเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายประเทศอินเดียเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

นายแพทย์สุวิน กล่าวต่อว่า สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์ขยายช่องทางจำหน่ายทุกรูปแบบ เปิดสาขาใหม่โดยเน้นทำเลที่มีศักยภาพสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า พร้อมทั้งมีแผนปรับดีไซน์ของร้าน BEAUTY BUFFET ให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันโดยจะมีร้านต้นแบบสาขาแรกที่มาบุญครองภายในไตรมาส 2/2562  ประกอบกับการใช้กลยุทธ์ใช้สินค้าขับเคลื่อน (Product Driven) ผลักดันยอดขาย โดยบริษัทมีแผนสร้าง Product Hero จำนวน 57 รายการสินค้า และมี 3 รายการสินค้าที่โดดเด่น คือ  1. GINO McCRAY The Professional Make up Powder Foundation (แป้งทองคำ)  2. Skincare Serie “Beauty Idol” และ 3. Beauty Cottage Elegant Impressionist Semi – Matt Lipstick (ลิป semi Matt)  พร้อมกับเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สินค้ายอดนิยม โฟมนม Milk Plus คนล่าสุด "น้องเซ้นต์ ศุภพงศ์ แก้วกาญจนา" ดารานักแสดงนำ "ซีรีย์บังเอิญรัก" GMM25 มาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ถ่ายทอดประสบการณ์การดูแลบุคลิกภาพใส่ใจสุขภาพผิว เลือกผลิตภัณฑ์ทีดีมีคุณภาพ
 
นายแพทย์สุวินกล่าวถึงผลประกอบการปี 2561 ว่า มีรายได้รวม 3,501.2 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 6.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,735.4  ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 991.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 19.3% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,229.3 ล้านบาท
 
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังรักษาความสามารถทำกำไรได้ในเกณฑ์ดี โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่  28.3% อัตรากำไรขั้นต้น 65.3% ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และมีช่องทางการตลาด ช่องทางการจำหน่าย ที่เข้าถึงผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างหลากหลาย
 
“ผลประกอบการของ BEAUTY ชะลอลงเล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบระยะสั้นจากกรณีตลาดเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อกระแสข่าวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางของบริษัทอื่นไม่ผ่านมาตรฐาน อย. ส่งผลกระทบให้ฐานลูกค้ารายย่อยระมัดระวังการซื้อมากขึ้น แต่ในระยะยาวถือว่าเป็นผลดีต่อบริษัท เพราะสินค้าของบริษัทผลิตถูกต้องมีเลขที่จดแจ้งที่ได้รับการรับรองจาก อย. ทุกรายการ อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วงที่ผ่านมาลดลงเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดซื้อจากลูกค้านักท่องเที่ยวลดลง”นายแพทย์สุวิน กล่าว
 
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 91.25% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% หรือ คิดเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.138 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 413.19 ล้านบาท จากที่ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.162 บาท/หุ้น หรือ 90.01%  ของกำไรสุทธิ คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 484.95  ล้านบาท ส่งผลทำให้ในปี 2561 บริษัทจ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 0.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน  898.15ล้านบาท หรือ 90.58 % ของกำไรสุทธิ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ( Record Date ) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลใน 21 พฤษภาคม 2562 (ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 25 เมษายน 2562 )
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 ก.พ. 2562 เวลา : 13:59:20
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 4:45 pm